สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในแบรนด์ Tesla เชื่อว่าสาเหตุหลักๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องเทคโนโลยีที่ทางค่ายนำเสนอความล้ำด้วยการออกแบบซอฟท์แวร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ หนึ่งในนั้นก็คือ เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ Tesla Autopilot หรือ Full Self-Driving (FSD) ซึ่งเคยถูกมองว่า เป็นเทคโนโลยีที่ไว้เนื้อเชื่อในได้ และมีความปลอดภัยสูง แต่เชื่อหรือไม่ว่า…มีสถิติบางอย่างเกี่ยวกับ Tesla Autopilot หรือ FSD ที่ทางค่ายไม่เคยบอกไว้ นั่นก็คือ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ เป็นต้นเหตุของการชนมากถึง 736 ครั้ง และในครั้งที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรง ส่งผลต่อความสูญเสียมากถึง 17 ชีวิต
จากการเปิดเผยข้อมูลของ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) เป็นเรื่องน่าตกในที่ระบบ Tesla Autopilot หรือ Full Self-Driving มีการทำงานที่ผิดพลาดในสหรัฐอเมรนิกาถึง 736 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งจากจำนวนดังกล่าว แลกมาด้วยชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสารถึง 17 ชีวิต (ซึ่ง 11 จาก 17 ราย ที่เสียชีวิต เกิดขึ้นหลังจากช่วงเดือนพฤษภาคม 2022) แม้ว่าจากข้อมูลจะไม่มีการเผยว่า ระบบ Tesla Autopilot หรือ Full Self-Driving ได้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุไปแล้วมากน้อยแค่ไหน แต่หากเทียบกับตัวเลขของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของระบบ คงถึงเวลาแล้วที่ Tesla จะต้องกลับมาทบทวนเรื่องความปลอดภัยของ ระบบ Tesla Autopilot หรือ Full Self-Driving อีกครั้ง
โดยข้อมูลหนึ่งที่ได้จากการรายงาน คือ ส่วนหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ มีผลมาจากการที่ Tesla ถอดชุดเรดาร์เซ็นเซอร์ รวมถึงฟังค์ชั่นการตรวจจับเคลื่อนวิทยุออก สำหรับรถที่ออกจำหน่ายหลังปี 2021 เป็นต้นมา ซึ่ง Tesla ตัดสินใจว่าจะใช้กล้อง Camera Sensor เพียงอย่างเดียว โดยในรถทุกคันนั้น จะมาพร้อมกล้องรอบตัวรถ 8 ตัว เพื่อใช้ในการประมวลผลและสั่งการระบบต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงระบบช่วยการขับขี่ Tesla Autopilot หรือ Full Self-Driving โดยจากข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว NHTSA ไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดความขัดข้องที่แน่นอน (รวมถึงไม่ทราบว่า ในบางเหตุการณ์ มีการเปิดใช้ระบบไว้หรือไม่) ซึ่งเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีการเรียกคืนรถ Tesla กว่า 360,000 คัน เพื่อตรวจสอบการทำงานของระบบ FSD beta ที่มีโอกาสจะทำงานผิดพลาด
Tesla Model 3 กับภาพหลุด ออฟชั่นใหม่ในโฉม Minorchange เห็นแบบนี้แล้ว…รอกันไหม ?