ในปี 2022 ที่ผ่านมา มีรถในรูปแบบ Plug-In EV ซึ่งเป็นการรวมทั้งรถในรูปแบบ Plug-In Hybrid (ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กฉ รวมถึงรถ BEV (รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน) ทำตลาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคัน ทั่วโลก ซึ่งคิดเป็น 14% ของยอดขายรถทั้งหมดในปีที่ผ่านมา วันนี้เรามาย้อนดูความเคลื่อนไหว และแนวโน้มในวงการรถ Plug-In EV สักหน่อย ว่าแบรนด์ไหน…สามารถทำยอดขายได้ในระดับ Top 5 ของโลก (ซึ่งมากกว่า 50% ของรถในรูปแบบนี้ ที่ทำตลาดอยู่ ณ ปัจจุบัน)
Plug-In EV = Plug In Hybrid + BEV
หากดูเทียบทั้งตลาด Plug-In EV ซึ่งรวมระหว่างรถปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน ที่ทาง InsideEV ได้รวบรวมข้อมูลมาให้ชมกัน โดย 5 อันดับแรก ของแบรนด์ที่ขายดีที่สุด ยังคงเป็นอันดับเดียวกับในช่วงก่อนไตรมาสที่ 4 แบรนด์ที่สามารถทำยอดขายรวมของรถในรูปแบบ Plug-In EV ได้เป็นอันดับ 1 คือ BYD ด้วยจำนวนถึง 1.85 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็น 18.4% ของรถในรูปแบบ Plug-In EV ทั้งหมด ด้วยตัวเลขดังกล่าว ส่งให้ BYD เป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตมากกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2021 ส่วน Tesla ในอันดับที่ 2 แม้ว่าจะเป็นแบรนด์ที่เคยครองยอดขายสูงสุดถึง 4 ปีซ้อน ก่อนหน้านี้ ไม่สามารถต้านทานความร้อนแรงของ BYD ได้ ทำให้ส่วนแบ่งรวมในกลุ่ม Plug-In EV ปี 2022 ลดลงมาเหลือ 13% จากยอด 1.3 ล้านคัน (ลดลงจาก 14.4% ในปีก่อน)
ยอดขายรถ Plug in EV ทั่วโลกในปี 2022
แบรนด์ | ปริมาณการขาย (คัน) | ส่วนแบ่งการตลาด | ส่วนแบ่งการตลาดในปี 2021 |
BYD | 1,857,549 | 18.4% | 9.1% |
Tesla | 1,314,330 | 13.0% | 16.0% |
Volkswagen Group | 831,844 | 8.2% | 13.0% |
SAIC Motor | 724,911 | 7.2% | 10.5% |
Geely-Volvo | 606,114 | 6.0% | NA |
ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของแบรนด์ในเครือ Volkswagen ที่ทำยอดขายแบบตามมาห่างๆ ที่ 8.31 แสนคัน หรือราว 8.2% ของทั่วโลก (ลดจาก 11.7% ในปีก่อน) อันดับที่ 4 และ 5 เป็นแบรนด์ที่มาจากประเทศจีนทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็น SAIC Motor ที่ 7.2% รวมถึง Geely-Volvo ที่ 6% ยอดรวมการทำตลาดของรถในรูปแบบ Plug-In EV ทั้งหมดในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 10,091,164 คัน โดยเป็นรถที่อยู่ในช่วงอันดับที่ 1-5 ถึง 5,334,748 คัน ซึ่งคิดเป็น 52.8% และที่เหลือ 4,756,416 คัน (47.2%)
BEV ล้วนๆ หรือนับเฉพาะรถไฟฟ้าเท่านั้น
แต่หากนำปริมาณยอดขายดังกว่าง มาแยกเป็นรถ BEV โดยเฉพาะ (ตัดรถในรูปแบบ Plug In Hybrid ออกไป) อันดับจะแตกต่างออกไปเล้กน้อย โดยแบรนด์ Tesla ที่ขายแต่รถ BEV เท่านั้น จะมีจะมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นเบอร์ 1 ของโลก ด้วยจำนวนที่มากกว่า 1.3 ล้านคัน หรือคิดเป็น 18.2% ของปริมาณการขายรถ BEV ทั้งหมดในโลก โดยเป็นอัตราส่วนการเติบโตที่ต่ำลง 5% เมื่อเทียบกับปี 2021 เนื่อจากแบรนด์ Tesla ไม่มีโมเดลใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง อันดับที่ 2 เป็นของ BYD ตามมาไม่ห่างนักที่ 913,052 คัน หรือราว 12.6% ซึ่งได้รับการคาดหมายกันว่า ในปี 2023 อาจจะเป็นปีแรก ที่แบรนด์ชั้นนำจากประเทศจีนผู้นี้ จะเป็นแบรนด์ที่โค่น Tesla และครองเบอร์ 1 ในวงการรถ BEV ได้ในปีนี้
ยอดขายรถ BEV ทั่วโลกในปี 2022
แบรนด์ | ปริมาณการขาย (คัน) | ส่วนแบ่งการตลาด | ส่วนแบ่งการตลาดในปี 2021 |
Tesla | 1,314,330 | 18.2% | 23% |
BYD | 913,052 | 12.6% | 7% |
SAIC Motor | 671,725 | 9.3% | 13% |
Volkswagen Group | 571,067 | 7.9% | 10% |
Geely-Volvo | 383,936 | 5.3% | NA |
SAIC Motor เป็นแบรนด์ในเครือที่มีส่วนแบ่งการตลาด 9.3% ในปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขาย 671,725 คัน ซึ่งส่วนหนึ่งในปริมาณนี้ คงต้องยกเครดิตให้กับแบรนด์ในเครือที่ประกอบไปด้วย SAIC, GM และ Wuling จนสามารถทำยอดขายอยู่เหนือเบอร์ 4 (อันดับที่ 3 เมื่อปี 2021) อย่าง Volkswagen (7.9%) ขึ้นมาได้ในปีนี้ ส่วนอันดับที่ 5 ยังคงเป็นของ Geely-Volvo ที่ปีนี้สามารถเบียด Hyundai Motor Group ลงจาก Top 5 ได้สำเร็จ ครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 5.3% โดยตลาดรวมของรถ BEV ในปี 2022 มีปริมาณการขายรวมทั่วโลกอยู่ที่ 7.23 ล้านคัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก cleantechnica