Ferrari นับว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการดึงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของตัวเอง ซึ่งเคยโด่งดังในอดีตกลับมาใช้งานโดยผสานความเป็นโมเดิร์มซูเปอร์คาร์ได้อย่างลงตัว โดยล่าสุดทางค่ายม้าลำพองได้เปิดตัว Ferrari 12 Cilindri ม้าศึกพันธุ์แรงที่เสมือนได้รับการถ่ายถอดกลิ่นอายความเป็น 812 Superfast มาใช้ในรถรุ่นใหม่ ที่ได้รับการยกระดับพละกำลัง รวมถึงศักยภาพการขับเคลื่อนให้สูงขึ้นไปอีกขั้น

Ferrari 12 Cilindri สปอร์ตขุมพลัง V12 ของแรงที่สาย Old School ต้องมี

Ferrari 12 Cilindri

มีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่า 812 Superfast เล็กน้อย แต่มีระยะฐานล้อที่สั้นกว่าประมาณ 25 มม. เพื่อให้ตัวรถมีความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งด้วยขนาดดังกล่าว ส่งให้ซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดจากค่ายม้าลำพองคันนี้ มีน้ำหนักแบบไม่รวมของเหลวอยู่ที่ 3,459 ปอนด์ (หรือ 1,568 กก.) สำหรับรุ่นหลังคาแข็ง และ 3,571 ปอนด์ (หรือ 1,619 กก.) สำหรับรุ่น Spider ซึ่งทั้งคู่มีน้ำหนักเบากว่า Ferrari 812 Superfast แต่กลับมีความแข็งแรงของตัวถังมากกว่าถึง 15%

ดีไซน์ในด้านหน้ามาในรูปแบบที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสปอร์ตในตำนานอย่าง 365 GTB/4 Daytona ซึ่งช่วยดึงอารมณ์ความวินเทจขึ้นมาอีกระดับ ส่วนห้องโดยสารของ Ferrari 12 Cilindri มาในรูปแบบ 2 ที่นั่ง พร้อมพวงมาลัยในรูปทรงดั้งเดิม ที่ถูกประดับประดาด้วยปุ่มสั่งการต่างๆ จับคู่กับเซ็ตหน้าจออินโฟเทนเท้นท์บริเวณกลางคอนโซล ซึ่งถือเป็นการนำเสนอเอกลักษณ์ที่แตกต่างจาก Ferrari ยุคใหม่รุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน

พวงมาลัยดีไซน์ดั้งเดิม ให้เอกลักษณ์ที่แตกต่างจาก Ferrari อย่างชัดเจน

หากสังเกตจากชื่อรุ่น แน่นอนว่า…คงเดากันไม่ยากว่า สปอร์ตรุ่นล่าสุดจากค่ายม้าลำพองผู้นี้ จะมาพร้อมขุมพลัง V12 ในแบบฉบับของ Modern Old School Supercar โดย Ferrari 12 Cilindri เลือกที่จะติดตั้งเครื่องยนต์ในพิกัด 6.5 ลิตร รหัส F-140 ซึ่งเป็นขุมพลังในรูปแบบ V12 วางทำมุม 65 องศา บล็อคปัจจุบันจากค่าย Ferrari (เป็นบล็อคเดียวกับที่ใช้ใน Enzo Ferrari เมื่อช่วง 2 ทศวรรษก่อน โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและระดับพละกำลังให้สูงยิ่งขึ้น) มาในรูปแบบ NA ไร้ซึ่งระบบอัดอากาศ รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าให้การช่วยเหลือใดๆ โดยกำลังสูงสุดของ Ferrari 12 Cilindri อยู่ที่ 819 แรงม้า ที่ 9,250 รอบ/นาที พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 677 นิวตัน-เมตร ที่ 7,250 นิวตัน-เมตร ซึ่งเครื่องยนต์บล็อคนี้ ถุกล้อครอบการหมุนสูงสุดเอาไว้ที่ 9,500 รอบ/นาที ซึ่งยังคงเป็นเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานมลพิษในยุคปัจจุบันแบบไม่ต้องง้อตัวช่วย

องประกอบพื้นฐานภายในเครื่องยนต์ของ Ferrari 12 Cilindri มีความคล้ายคลึงกับขุมพลังที่ประจำการใน 812 Competizione ซึ่งออกแบบมาให้สามารถทนทานต่อการใช้งานในรอบสูง ด้วยการเลือกใช้ชุดก้านสูบที่ทำจากไทเทเนียม รวมถึงชุดกระเดื่องวาล์วไฮดรอลิคส์แบบ Roller Finger ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทาน นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ Aspirated Torque Shaping ที่จะเป็นตัวปรับอัตราการไหลของไอดีเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อปรับประสิทธิภาพการสร้างแรงบิดในช่วงเกียร์ 3 และ 4 โดยระบบส่งกำลังที่ใช้ จะมาในรูปแบบ Dual Clutch ที่ได้รับการอัพเกรดประสิทธิภาพ ให้เหนือกว่าเซ็ตเกียร์ที่ประจำการอยู่ใน 812 Superfast (ซึ่งได้ชื่อว่า…เป็นหนึ่งในรถที่เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วที่สุด) ถึง 30% และด้วยการขยับไซส์ของล้อและยางเป็นขนาด 21 นิ้ว ทำให้อัตราทดของชุดเกียร์มีความกระชับเพิ่มขึ้นอีก 5% ส่งให้ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำอัตราเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ได้ภายใน 8.2 วินาที โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 339 กม./ชม.

แน่นอนว่า ด้วยพละกำลังในระดับกว่า 800 แรงม้า ทำให้ Ferrari ต้องยัดสุดยอดระบบควบคุมการทรงตัวอย่าง Side Slip Control 8 มาให้ใน Ferrari 12 Cilindri โดยระบบนี้ ได้รับการออกแบบมาให้สามารถประมวลผลประสิทธิภาพในการยึดเกาะของตัวรถได้อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยการติดตั้งระบบเลี้ยวที่ล้อหลัง เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน รวมถึงช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวในย่านความเร็วสูงอีกด้วย โดยชุดยางที่ถูกติดตั้งใน Ferrari 12 Cilindri จะมาในขนาด 275/35 ZR21 ที่ล้อหน้า และ 315/35 ZR21 ที่ล้อคู่หลัง โดยผุ้ซื้อสามรรถเลือกได้ระหว่าง Michelin Pilot Sport S 5 หรือ Goodyear Eagle F1 Supersport