Turbo (เทอร์โบ) นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเรียกสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นอีกระดับ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแรงม้า หรือแรงบิดที่เพิ่มสูงขึ้นแบบผิดหูผิดตา ซึ่งเชื่อว่าอุปกรณ์ที่เรียกว่า Turbo นี้…เป็นที่รู้จักของนักเล่นรถยนต์มาอย่างยาวนาน แต่ก็อย่างที่หลายคนทราบ แม้ว่าเทอร์โบจะมีข้อดีที่ช่วยเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ได้มากขึ้นก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ที่ทำให้ช่วงในการทำงานของเทอร์โบนั้น ยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ซึ่งแม้ว่าในยุคนี้ จะมีการปรับรายละเอียดเพื่อลดจุดด้อยเหล่านั้น แต่อาการที่เรียกว่า “รอรอบ” หรือต้องเร่งรอบเครื่องยนต์ให้ถึงช่วงการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของเทอรโบ…ยังคงเกิดขึ้นได้เสมอ เป็นเหมือนคาแร็กเตอร์เฉพาะตัวที่เกิดมาคู่กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับ เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Mercedes-AMG และผู้ผลิตเทอร์โบระดับชั้นนำอย่าง Garrett โดยดึงเอาเทคโนโลยีจากการแข่งขัน Formula 1 มาถ่ายทอดสู่รถในระดับโปรดักชั่น เพื่อลดจุดบกพร่องของเทอร์โบที่มีขนาดเล็ก แต่ตอบสนองได้เร็ว และให้กำลังได้ดีในช่วงรอบต่ำ แต่ขาดประสิทธิภาพในการทำลมช่วงรอบสูง กับเทอร์โบขนาดใหญ่ ที่ให้กำลังสูงสุดได้ดี แต่ด้อยเรื่องการตอบสนองหรือมีอาการรอรอบในช่วง Low Engine Rev โดยชุด เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo จะมีการวางมอเตอร์ขนาดเล็ก ซึ่งมีความหนาเพียง 4 ซม. บริเวณเสื้อแกนเทอร์โบ ซึ่งควบคุมการทำงานผ่านกล่องอิเล็คทรอนิคส์ (ข้อดีคือ สามารถกำหนดรอบการหมุน และช่วงรอบในการตอบสนองได้ตามที่ต้องการด้วยโปรแกรมภายในกล่องควบคุม) โดยมอเตอร์ตัวนี้…จะรับหน้าที่ช่วยปั่นเทอร์โบด้วยแรงเคลื่อนไฟฟ้าระดับ 48 โวลต์ ก่อนที่ไอเสียจากเครื่องยนต์จะเพียงพอที่จะปั่นเทอร์โบได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดย เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo สามารถปั่นได้สูงสุดถึง 170,000 รอบ/นาที
นั่นหมายความว่า…เพียงแตะคันเร่งเบาๆ แรงบูสต์จาก เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo ลูกนี้ ก็จะมีมารอให้ใช้งานได้ในทันที มีแรงบิดสูงสุดออกมาให้ใช้ในรอบที่ต่ำลง หรือในกรณีที่ต้องเหยียบหรือยกคันเร่งบ่อยครั้ง เทอรโบที่ควบคุมการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จะยังสามารถรักษาระดับแรงดันบูสต์ให้คงที่ และพร้อมสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเทียบหลักการทำงาน คือ จะคล้ายๆ กับรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฮบริด ช่วยเรียกกำลังในการขับเคลื่อนในช่วงความเร็วต่ำ หรือในขณะเร่งแซงนั่นเอง เมื่อหมดห่วงเรื่องความเร็วในการตอบสนองแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือ การเพิ่มศักยภาพในการทำลมของชุดเทอร์โบ ที่สามารถเล่นกับโข่งหลัง หรือใบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการทำลม รวมถึงการระบายไอเสีย และลดความร้อนสะสมภายในเครื่องยนต์ที่ดีกว่าในช่วงรอบสูง
เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo จัดว่าเป็นอีกหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าสนใจของสายแรง ที่ยังคงต้องการประสิทธิภาพการตอบสนองในระดับสูงสุด ซึ่งต้องของคุณวงการมอเตอร์สปอร์ตและแบรนด์ผู้ผลิตอย่าง Mercedes-AMG ที่นำเทคโนโลยีเบอร์ต้นๆ ของโลกมาใส่ในรถโปรดักชั่น เชื่อว่าไม่นาน…คนทั้งโลกจะรู้จัก และหลงรัก เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo กันมากขึ้น ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง เราอาจจะได้สัมผัสเทคโนโลยีชั้นสูงแบบนี้ ในรถที่เราใช้งานในชีวิตประจำวันก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลคลิปจาก Mercedes-Benz, Garrett, BorgWarner