หลังจากที่ Mercedes-Benz G580 with EQ Technology เปิดตัวในงาน Beijing Auto Show 2024 สิ่งที่หลายคนยังคาใจกับตัวลุยทรงกล่องผู้นี้ คงไม่ใช่เรื่องสมรรถนะ รวมถุงความเหนือชั้นของระบบขับเคลื่อน แต่เชื่อว่าคงจะอยู่ที่ ระยะการเดินทางต่อชาร์จ ซึ่งหากเทียบกับรถ EV ในยุคปัจจุบันแล้ว Mercedes-Benz G580 with EQ Technology ยังถือว่าทำระยะทางได้น้อย ซึ่งดูจะไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายุคใหม่ๆ
Mercedes-Benz G580 with EQ Technology
มาพร้อมแบตเตอรี่ขับเคลื่อนที่มีความจุถึง 116 kWh ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับรถ EV ยุคปัจจุบัน แต่กลับทำระยะในการขับเคลื่อนได้เพียง 272 ไมล์ หรือราว 438 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ปัจจัยที่ทำให้เป็นเช่นนั้นคงเป็นเรื่องที่จินตนาการได้ไม่ยาก เพราะด้วยรูปทรงของตัวรถที่มาในรูปแบบ Boxy บวกกับน้ำหนักของระบบขับเคลื่อนที่ใช้มอเตอร์ถึง 4 ตัว พร้อมด้วยแบตเตอรี่ที่ีมีขนาดใหญ่ ล้วนส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองที่สูงกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วๆ ไป ตามไปด้วย และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ทีมวิศวกรของ Mercedes-Benz ไม่อาจอยู่เฉยได้ จนเป็นที่มาของแผนอัพเกรดประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ใน Mercedes-Benz G580 with EQ Technology ให้ดีขึ้นอีกราว 35%
แต่หากเทียบประสิทธิภาพว่าแบตเตอรี่ Silicon-Anode Power Pack มีระดับความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้นได้ถึง 40% แล้ว Mercedes-Benz G580 with EQ Technology ความจุของแบตเตอรี่จะเพิ่มขึ้นเป็น 162 kWh และจะสามารถเพิ่มระยะการเดินทางต่อชาร์จได้ถึง 400 ไมลื หรือราว 644 กม. เลยทีเดียว ซึ่งเชื่อกันว่า…นอกจาก Mercedes-Benz G580 with EQ Technology แล้ว เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Silicon-Anode Power Pack จะถูกนำมาใช้กับรถในตระกูล EQ รุ่นอื่นๆ รวมถึง EQS ที่เพิ่งจะถูกปรับโฉมในงาน Beijing Auto Show 2024 ด้วย