G-Class ถือเป็นรถยนต์ตระกูลแกร่งที่อยู่คู่กับแบรนด์ Mercedes-Benz มาเกือบครึ่งศตวรรษ โดยในช่วง 45 ปี ที่ผ่านมา เราแทบจะไม่ค่อยได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านภาพลักษณ์ของรถในตระกูลนี้มาเท่าใดนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ทางค่าย Mercedes-Benz แอบพัฒนามาโดยตลอด คงหนีไม่พ้นเทคโนโลยีการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระดับพละกำลัง รวมไปถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่เพื่อให้ทุกย่างก้าวแห่งการเคลื่อนไหวของ Mercedes-Benz G-Class เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งในทางเรียบ หรือการขับขี่ในสไตล์ออฟโร๊ด ซึ่งถือเป็นการส่งท้ายโมเดลเครื่องยนต์สันดาป ก่อนการมาถึงของเวอร์ชั่นไฟฟ้าอย่าง Mercedes-EQG ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้
ล่าสุดค่าย Mercedes-Benz ได้เปิดตัว G-Class รุ่นปี 2025
โดยยังคงทำตลาดทั้งขุมพลังดีเซล, เบ็นซิน รวมถึงรหัสแรง Mercedes-AMG ในตระกูล 63 ที่ยังคงไว้ ซึ่งในรุ่นใหญ่ยังคงมาพร้อมขุมพลังในรูปแบบ V8 Bi-Turbo ให้กำลัง 577 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดในระดับ 850 นิวตัน-เมตร นอกจากนี้…สิ่งที่ขาดไม่ได้ของรถจาก Mercedes-Benz ยุคปี 2021 เป็นต้นมา นั่นก็คือ การเพิ่ม ISG Motor ขนาด 48 โวลต์ในรูปแบบ Mild Hybrid ที่ช่วยเพิ่มกำลังในช่วงออกตัวหรือเร่งแซงได้อีก 20 แรงม้า กับแรงบิด 200 นิวตัน-เมตร ในทุกรุ่นที่ทำตลาด เป็นตัวช่วยส่งให้ Mercedes-AMG G63 สามารถทะยานจากจุดหยุดนิ่ง ถึงที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.2 วินาที
สำหรับเวอร์ชั่นดีเซลของ Mercedes-Benz G-Class รุ่นปี 2025
จะมาในรหัส G450d ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ แถวเรียง พิกัด 3.0 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อน 326 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 750 นิวตัน-เมตร (มากกว่ารุ่นเดิม 36 แรงม้า และ 50 นิวตัน-เมตร + มอเตอร์ Mild Hybrid) ซึ่งด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้เอง ช่วยยกระดับ Mercedes-Benz G450d ให้สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 5.8 วินาที (จากเดิมที่ 6.2 วินาที) และยังลดช่อว่างให้รุ่นนี้มีแรงม้าเป็นรองรุ่นเครื่องยนต์เบ็นซิน G550 เพียง 81 แรงม้า เท่านั้น
Mercedes-Benz G-Class รุ่นปี 2025
ยังคงมาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ 9G Tronic ที่ได้รับการปรับปรุง Torque Converter ให้มีช่วงการทำงานในแต่ละอัตราทดเกียร์ที่กว้างมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ระบบขับเคลื่อนยังถูกเซ็ตให้กระจายกำลังขับเคลื่อนแบบ 40:60 เป็นค่ามาตรฐาน โดยจะทำงานร่วมกับชุดล็อคเฟืองท้ายที่ถูกติดตั้งไว้ใน 3 จุด ทั้งเพลาหน้า เพลากลาง และเพลาท้าย อีกทั้งตัวระ Mercedes-Benz G-Class รุ่นปี 2025 ยังมีระยะต่ำสุดจากพื้นถึง 241 มม. และมีมุมเข้าหา และมุมจากที่ 31 และ 30 องศา ตามลำดับ
ภายในห้องโดยสารของ Mercedes-Benz G-Class รุ่นปี 2025
ได้รับการติดตั้งฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวก เพื่อให้ในทุกการใช้งานมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยเซ็ตหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบออฟโร๊ด Off-Road Cockpit ถูกรวมเอาไว้ในระบบประมวลผล MBUX ซึ่งระบบจะแสดงผลทั้ง ตำแหน่งพิกัดของตัวรถ ระดับความสูง มุมบังคับเลี้ยว และอุณหภูมิ บนหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รวมถึงแผงหน้าปัดแบบดิจิตัล โดยผู้ขับขี่ สามารถเลือกปรับรูปแบบการแสดงผลได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังค์ชั่นการแสดงภาพแบบโปร่งใส Transparent Hood แบบเดียวกับที่ติดตั้งใน EQE และ GLC เจนเนอเรชั่นล่าสุด เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นมุมมองทางด้านหน้ารถได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
Mercedes-Benz G-Class รุ่นปี 2025
มาพร้อมสีใหม่ในชื่อ Manufaktur Hyper Blue Magno รวมถึงได้รับการอัพเกรดชุดไฟหน้า LED แบบ Adaptive เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จับคู่กับเซ็ตกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ที่ยังคงภาพลักษณ์ในสไตล์บึกบึนไว้เช่นเดิม และสามารถเลือกจับคู่เซ็ตล้อได้ตั้งแต่ขนาด 20 – 22 นิ้ว จากโรงงาน อีกทั้ง Mercedes-Benz G-Class รุ่นปี 2025 ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัย Driver Assistance Package เช่น กล้องมองรอบทิศทาง, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน, ระบบเตือนมุมอับสายตา มาให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานอีกด้วย