Maxus (MG) V70 ทางเลือกล่าสุด สำหรับคนรักการเดินทาง คิดใหม่ ทำใหม่…น่าใช้ขึ้นอีกเลเวล !


Maxus อีกหนึ่งแรนด์ในเครือ SAIC Motor เปิดตัวรถตู้อเนกประสงค์รุ่นล่าสุดในประเทศจีน Maxus V70 โดยมีแพลนการทำตลาดในช่วงต้นปี 2566 ซึ่งความโดดเด่นในการกลับมาของ Maxus (MG) V70 อยู่ที่การใช้แพลตฟอร์มและขุมพลังบล็อคใหม่ โดยตัวรถมีขนาดที่ใกล้เคียงกับรถตู้อเนกประสงค์ของผู้ผลิตแบรนด์ชั่นนำ ไม่ว่าจะเป็น Ford Transit รวมถึง Volkswagen Transporter

Maxus V70 มินิแวนน้องใหม่จาก SAIC Motor

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Maxus V70 กลายเป็นรถที่ฉีกแนวจาก Maxus ในรุ่นอื่นๆ แบบผิดหูผิดตาก็คือ เรื่องของภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัย (แม้โดยภาพรวมอาจจะเป็นรอง Hyundai Staria หรือ Maxus Mifa รถตู้คอนเซ็ปท์พลังไฟฟ้าของแบรนด์ตัวเองอยู่เล็กน้อย) แต่ในภาพรวมก็น่าจะเป็นดีไซน์ที่ดึงดูดใจผู้ใช้ได้ไม่ยาก โดยเอกลักษณ์ของ Maxus V70 คงหนีไม่พ้นเส้นคาดกลางที่ทำหน้าที่รับลมเพื่อระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับชุดไฟหน้า Matrix LED พร้อมไฟตัดหมอกที่วางในแนวตั้ง ขนาบข้างช่องรับลมในด้านล่าง ส่วนในด้านท้ายมาพร้อมชุดไฟท้ายขนาดใหญ่ พร้อมเส้นไฟที่เชื่อมโยงระหว่างซ้าย – ขวา เหนือกระจกบังลมหลัง ทำหน้าที่เป็นไฟเบรกดวงที่ 3

Maxus V70 มาพร้อมสีตัวถังในรูปแบบทูโทน โดยมีขนาดตัวถัง ความกว้าง x ยาว x สูง อยู่ที่ 2,030 x 4,998 x 2,035 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,000 มม. (เทียบกับ MG V80 ที่ทำตลาดในบ้านเรา 1,998 x 4,950 x 2,132 มม. ระยะฐานล้อ 3,100 มม.) โดยทางผูผลิตแจ้งว่า ในอนาคต Maxus V70 จะมีรุ่นหลังคาสูงและฐานล้อยาวมาเพิ่มเป็นทางเลือก นอกจากนี้ด้วยระยะความสูงจากพื้นที่มาก ทำให้ตัวรถมีการติดตั้งชุดบันไดข้าง เพื่อความสะดวกในการก้าวขึ้น – ลง โดยสิ่งที่เป็นจุดเด่นของ Maxus V70 ก็คือ ชุดบานประตูท้ายที่เป็นแบบคู่ เปิดแบบตู้กับข้าว

ห้องโดยสารของ Maxus V70 พร้อมสำหรับการรองรับการโดยสารตั้งแต่ 5, 6 หรือ 9 ที่นั่ง แม้จะไม่ได้มีภาพภายในออกมา แต่จากข้อมูลที่ได้ คือ ตัวรถสามารถติดตั้งหน้าจอแทบเล็ตที่เป็นแหล่งรวมความบันเทิงสำหรับคนในรถ โดยมาพร้อมฟังค์ชั่นควบคุมการเปิด – ล็อครถ ผ่านบลูทูธ, เบาะนั่งคู่หน้า รวมถึงชุดพวงมาลัย สามารถปรับอุณหภูมิได้ โดย Maxus V70 พัฒนาบนแพลตฟอร์มล่าสุดของทาง SAIC Motor ที่พร้อมจะรองรับการใช้งานกับรถอเนกประสงค์หลายๆ รุ่นในอนาคต โดยจับคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 125 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ซึ่งรอบรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 156 กม./ชม.


Related posts

Bentley ยัน…เลิกใช้เครื่องยนต์ W12 เตรียมหันมาเอาดีกับขุมพลัง Ultra Performance Hybrid

Mugen Honda Civic Type R ปล่อยชุดแต่ง Group A จัดเต็มทั้งความหล่อและสมรรถนะที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น

Porsche Taycan 2024 ยกระดับประสิทธิภาพสมบูรณ์แบบครบครันในทุกมิติ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา เรียนรู้เพิ่มเติม