Triumph Tiger 900 รถในสไตล์ Dual Purpose พิกัด Middle Weight ของค่ายมอเตอร์ไซค์แบรนด์ดังจากฝั่งอังกฤษ เปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2020 ณ เวลานั้น ถือเป็นการต่อยอดมาจาก Triumph Tiger 800 ที่ถึงกาลต้องอำลาตลาดไปตามอายุขัย ก่อนที่ในอีกราว 4 ปีให้หลัง ทางค่าย Triumph ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวรุ่นอัพเกรดของ Triumph Tiger 900 ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้น เพิ่งจะมีการเผยโฉมไปแบบสดๆ ร้อนๆ ในงาน Motor Show 2024 ที่ผ่านมา โดยยังไม่ทันที่งานจะจบ ทาง Triumph Motorcycle Thailand ก็โชว์เซอร์ไพรซ์เชิญทาง #ทีมขับซ่า ร่วมการทดลองขี่มอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์รุ่นใหม่ทั้ง Triumph Tiger 900 รวมถึง Triumph Daytona 660 อย่างจุใจเลยทีเดียว
สำหรับ Triumph Tiger 900 รุ่นที่ทำตลาดในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน มาในรหัสต่อท้ายรุ่นว่า Pro ซึ่งก็คือ รุ่นที่มาพร้อมออพชั่นแบบจัดเต็ม พร้อมซอนรุ่นย่อยตามลักษณะการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Tiger 900 GT Pro และ Tiger 900 Rally Pro ซึ่งแต่ละรุ่น ก็จะมีภาพลักษณ์ อุปกรณ์ รวมถึงสไตล์ที่แตกต่างกันไปตามรูปแบบการใช้งาน แม้ว่า Triumph Tiger 900 xxx Pro รุ่นนี้ จะเป็นเพียงรุ่นปรับโฉมกลางโมเดล แต่รายละเอียดหลายๆ ประการ โดยเฉพาะเรื่องของพละกำลัง ล้วนได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพในการทำงานให้สูงมากขึ้น เพื่อให้ตัวรถมีประสิทธิภาพและพร้อมรองรับการเดินทางได้ในหลากหลายรูปแบบตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ
Triumph Tiger 900 xxx Pro พัฒนาโดยใช้โครงสร้างเมนเฟรมที่ทำจากเหล็ก จับคู่กับซับเฟรมแยกที่ทำจากอลูมิเนียม เชื่อมต่อกันโดยใช้สลักน็อตยึด เพื่อรับน้ำหนักผู้ขับขี่ ผู้ซ้อน รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นๆ ส่วนชุดเมนเฟรมนั้น จะยึดอยู่กับเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ ที่ในรุ่นนี้ ยังคงความจุไว้ที่ 888 ซีซี. เช่นเดียว แต่หากมีการปรับพละกำลังให้สูงขึ้นเป็น 108 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ/นาที (Triumph Tiger 900 เดิม มีกำลัง 92.2 แรงม้า ที่ 8,750 รอบ/นาที) และมีแรงบิด 90 นิวตัน-เมตร ที่ 6,850 รอบ/นาที (เดิม 87 นิวตัน-เมตร ที่ 8,750 รอบ/นาที) เรียกได้ว่า ปรับมาคราวนี้ เร้าใจขึ้นแบบ “ยกกราฟ” ทั้งแรงม้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปรับแรงบิดให้สูงขึ้น โดยมาในรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ต่ำลง ซึ่งส่วนหนึ่งที่ตัวรถ Triumph Tiger 900 xxx Pro มีพละกำลังและแรงบิดเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการปรับอัตราส่วนกำลังอัดให้สูงขึ้นจาก 11.27 : 1 เป็น 13.0 : 1
ด้านระบบส่งกำลังของ Triumph Tiger 900 xxx Pro ยังคงเป็นชุดเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด ทำงานร่วมกับชุดคลัทช์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนพร้อม Slipper Clutch ส่งต่อกำลังไปยังชุดสเตอร์หลังผ่านโซ่แบบ O-Ring ที่ภายในโซ่จะมีสารหล่อลื่นเก็บกักไว้เพื่อลดความเสียหาย ยืดอายุการใช้งานให้กับตัวโซ่ นอกจากนี้ระบบส่งกำลังของยังมาพร้อมชุด Quick Shifter ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ทั้งขึ้นและลงโดยไม่ต้องปิดคันเร่งหรือกำคลัทช์ ช่วยเพิ่มความต่อเนื่องของการส่งถ่ายกำลัง รวมถึงความสบายในการขับขี่ โดยในขณะที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ด้วย Quick Shifter นั้น กล่อง ECU จะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำการเร่งรอบขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อให้รอบที่ใช้เหมาะกับความเร็วและตำแหน่งเกียร์ที่กำลังจะเปลี่ยน เพื่อความสมูทไร้รอยต่อในการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์
ระบบเบรกของ Triumph Tiger 900 xxx Pro ในด้านหน้า มาพร้อมคาลิเปอร์ Brembo Stylema 4 POT ยึดกับแกนโช้กอัพแบบเรเดียลเม้าท์ จับคู่กับเซ็ตจานขนาด 320 มม. ส่วนเบรกหลังมากับคาลิเปอร์ 1 POT จับคู่จาน 255 มม. โดยจุดเด่นในระบบเบรกของ ก็คือ ในขณะที่เราออกแรงเพื่อบีบเบรกหน้านั้น ระบบเบรกจะมีการคำนวนกำลังในการเบรก ก่อนจะกระจายแรงเบรกไปยังล้อคู่หลังโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของตัวรถ ลดโอกาสการเสียอาการเมื่อกดเบรกอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นฟังค์ชั่นสำคัญ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ สามารถเบรกในระยะที่สั้นและปลอดภัยที่สุด
นอกจากพื้นฐานโครงสร้าง รวมถึงระบบรองรับที่เหมือนกันแล้ว ปัจจัยหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในความเป็น Triumph Tiger 900 xxx Pro คงหนีไม่พ้น สุนทรียภาพและความสบายในการขับขี่ โดยในทั้ง 2 รุ่น จัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นชุดหน้าจอแสดงข้อมูลกาารขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อ My Triumph เพื่อควบคุมและสั่งการระบบต่างๆ เช่น การรับสาย, เชื่อมต่อระบบความบันเทิง, เชื่อมต่อระบบควบคุม GoPro รวมถึงปรับโหมดและค่าการขับขี่ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Road, Sport, Rain, Rider และ Off Road ซึ่งแต่ละโหมด จะมีการปรับค่าพารามิเตอร์ ทั้งพละกำลัง, การทำงานของ ABS รวมถึงการทำงานของ Traction Control ในระดับที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ทั้ง Cruise Control, ชุดเบาะอุ่น รวมถึง Heat Grip ที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับการเดินทางในช่วงหน้าหนาว หรือในขณะที่มีฝนตก
สิ่งที่เป็นข้อแตกต่างระหว่าง Triumph Tiger 900 GT Pro และ Tiger 900 Rally Pro ที่เราสามารถสังเกตได้แบบง่ายที่สุด อย่างแรกก็คือ ชุดล้ออัลลอย (ล้อแม็ก) ซึ่ง Triumph Tiger 900 GT Pro จะมาพร้อมล้ออัลลอยด้านหน้าขนาด 19 นิ้ว จับคู่กับยาง Metzeler Tourance Next ไซส์ 100/90 R19 และล้อหลัง 17 นิ้ว จับคู่ยาง 150/70 R17 ส่วนในรุ่น Tiger 900 Rally Pro จะมากับล้อซี่ลวดแบบ Tubeless ขนาด 21 นิ้ว จับคู่ยาง Bridgestone Battlax Adventure 90/90 R21 และล้อหลัง 17 นิ้ว จับคู่ยาง 150/70 R17 เช่นเดียวกับชุดกันสะเทือน ที่ในรุ่น Tiger 900 GT Pro ใช้โช้กอัพหน้าจาก Marzocchi แกน 45 มม. ระยะยุบ 180 มม. และโช้กอัพหลัง Marzocchi ระยะยุบ 170 มม. พร้อมฟังค์ชั่นปรับพรีโหลดไฟฟ้า ที่สามารถปรับระดับความสูง (จากความแข็งของสปริง) ได้ตามโหลดการขับขี่ เช่น มีผู้ซ้อน หรือมีสัมภาระ ตัวโช้กสามารถปรับโหลดของสปริงให้แข็งขึ้นได้โดยอัตโนมัติ ส่วนในรุ่น Tiger 900 Rally Pro เป็นการจับคู่กับชุดโช้กอัพจาก Showa ซึ่งในด้านหน้า มาพร้อมระยะยุบที่เพิ่มขึ้นเป็น 240 มม. ส่วนโช้กอัพหลัง มาในรูปแบบปรับพรีโหลดด้วยมือ พร้อมระยะยุบ 230 มม. นอกจากนี้…ใน Triumph Tiger 900 Rally Pro ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นมานั่นก็คือ Off Road Pro ที่มีความเข้มข้นในการใช้งาน (ปิดระบบ Traction Control และ ABS ได้อย่างสมบูรณ์) สำหรับสายลุยขาโหดเท่านั้น
สำหรับไบค์เกอร์ที่อยู่ในวงการมอเตอร์ไซค์มาอย่างยาวนาน คงทราบดีว่า ที่สุดของระบบเบรกในยุคนี้ คงไม่มีเบรก OEM รุ่นไหน จะเหนือไปกว่า Brembo Stylema ซึ่งการที่ Triumph เลือกที่จะติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Triumph Tiger 900 xxx Pro ล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียด จนเป็นที่มาของสิ่งที่ผมมักจะพูดเสมอว่า “งานประกอบจะดีหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศที่ผลิต ไปมากกว่าความเข้มข้นในการควบคุม QC” ซึ่ง Triumph แม้จะเป็นรถที่ประกอบในประเทศไทย แต่ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่นมาก ทั้งในเรื่องงานประกอบ รวมถึงวัสดุที่เลือกใช้ กลับมาที่เรื่องฟีลลิ่งการเบรก ถือว่าการให้น้ำหนักของ ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ (ตลอดการทดสอบ ยังไม่มีโอกาสได้ลองประสิทธิภาพการเบรกแบบเต็มๆ…ซึ่งก็ดีแล้ว 555) โดยเฉพาะการมีระบบช่วยกระจายแรงเบรกไปยังล้อหลัง ยิ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่าย โดยไม่ต้องมาพะวงว่า ในขณะนั้น ควรจะใช้น้ำหนักเบรกที่หน้า – หลัง ในอัตราส่วนแบบไหน
ความนิ่งในการขับขี่บนทางเรียบ อาจเป็นรองรุ่น GT บ้าง ด้วยขนาดของล้อที่ใหญ่ และมีหน้ายางที่แคบกว่า (รวมถึงโช้กอัพที่มีระยะยุบมากกว่าด้วย) แต่หากความโดดเด่นที่แท้จริงของ Triumph Tiger 900 Rally Pro คือ การขี่ในเส้นทางที่มีอุปสรรค เช่น ต้องปีนกิ่งรากไม้, ปีนร่อง หรือขี้ในสภาพเส้นทางขรุขระ ด้วยล้อทีมีขนาด 21 นิ้ว ช่วยให้การผ่านอุปสรรคทำได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังได้ความนุ่มนวลของตัวโช้กอัพ ที่จะช่วยซับแรงสะเทือนในสภาพเส้นทางที่ไม่ได้ราบเรียบได้กว่ารุ่น GT ด้วย