หลังจากที่ Subaru เผยโฉมเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของสปอร์ต 2 ประตูในค่าย อย่าง Subaru BRZ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็เป็นอันคาดหมายกันว่า ในอีกไม่นาน คู่แฝดอย่าง Toyota 86 จะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนให้หลัง แต่จนแล้วจนรอด ก็ต้องรอถึง 5 เดือน กว่าที่ค่ายสามห่วงจะปล่อยสปอร์ตของค่ายตัวเองออกมา โดยให้เหตุผลว่า ต้องการพัฒนาให้สปอร์ตรุ่นนี้ มีตัวตนที่ชัดเจนในความเป็น Toyota ให้ได้มากที่สุด โดย ณ เวลานี้ 86 เจนเนอเรชั่นล่าสุดได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย ในชื่ออย่างเป็นทางการว่า Toyota GR 86 ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 3 ของตระกูล GR ต่อจาก GR Supra และ GR Yaris
สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปในการกลับมาของ Toyota GR 86 ในครั้งนี้ก็คือ เรื่องของภาพลักษณ์ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีความดุดัน น่าเกรงขามมากขึ้น ด้วยเส้นสายที่ออกแบบมาให้ชวนนึกถึงมัดกล้ามเนื้อ บานกระจกดูเล็กลง พร้อมกับบั้นท้ายที่โค้งมน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเรื่องอากาศพลศาสตร์ เน้นเสถียรภาพในการขับขี่ให้สูงยิ่งขึ้น อย่างที่เรารู้กันดีว่า Toyota และ Subaru ยังคงเป็นพันธมิตรที่พัฒนาสปอร์ตตระกูลนี้ร่วมกัน นั่นทำให้องค์ประกอบโดยส่วนใหญ่ ดูมีความคล้ายคลึงกันจนแทบแยกไม่ออก จนต้องดูลึกเข้าไปถึงรายละเอียดที่มีความต่างกันอยู่เล็กน้อย เช่น ในส่วนของกระจังหน้า ที่ทางค่ายเรียกว่า Functional Matrix (แบบเดียวกับที่ใช้ใน GR Yaris) นอกจากนี้เส้นสายการออกแบบของไฟหน้า โดยเฉพาะ LED Daylight ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน
สิ่งหนึ่งที่เป็นความตั้งใจของ Toyota คือ ความต้องการให้ผู้ขับขี่โฟกัสกับการขับ Toyota GR 86 มากที่สุด ซึ่งส่งผลต่อการออกแบบและจัดวางอองค์ประกอบต่างๆ ภายในห้องโดยสารที่รบกวนการขับขี่ให้น้อยที่สุด ลดโอกาสการละสายตาจากท้องถนน โดยมาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ที่มีการปรับอินเตอร์เฟสการแสดงผลให้ทันสมัยมากขึ้น พร้อมกราฟฟิคการเคลื่อนไหวของลูกสูบ Boxer เมื่อเปิด On สวิตช์กุญแจ ในส่วนที่เหลือเน้นฟังค์ชั้นและการจัดวางที่สามารถใช้งานได้จริง รองรับการใช้งานสำหรับผู้ขับขี่ยุคใหม่ ที่ผสานอยู่กับการตกแต่งในสไตล์ Old School ด้วยปุ่ม รวมถึงสวิตช์สั่งการต่างๆ ให้ได้เลือกใช้งานได้อย่างลงตัว ในยุคที่ส่วนใหญ่แล้ว หน้าที่สั่งการระบบ เป็นของหน้าจอแบบ Touch Screen ทั้งหมด
สิ่งหนึ่งที่คนเล่น Subaru ต่างตราตรึงก็คือ ฟีลลิ่งการขับขี่ที่ผ่านการบาลานซ์มาอย่างยอดเยี่ยมจากขุมพลังในรูปแบบ Boxer นั่นส่งผลให้การบังคับควบคุมทำได้อย่างน่าประทับใจ แบบที่ไม่สามารถหาได้จากรถแบรนด์ไหนๆ แน่นอนว่าคุณลักษณะพิเศษอันนั้น ได้รับการถ่ายทอดมายัง Toyota GR 86 เช่นกัน ซึ่งด้วยการเลือกใช้วัสดุและจัดวางองค์ประกอบอย่างเหมาะสม เช่น แผ่นหลังคาอะลูมิเนียม ทำให้ GR 86 สามารถคงน้ำหนักไว้ไม่ต่างจากเบนเจอเรชั่นก่อนที่ 1,270 กก. รวมถึงการวางตำแหน่งน้ำหนักให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเมื่อเทียบกับพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ทำให้สมรรถนะของ Toyota GR 86 มีความโดดเด่นขึ้นอย่างน่าสนใจ
Toyota GR 86 มาพร้อมขุมพลังบล็อคใหม่ในรูปแบบ Boxer เช่นเดิม โดยปรับความจุให้สูงขึ้นเป็น 2.4 ลิตร ไร้ซึ่งระบบอัดอากาศ เช่นเดียวกับบล็อคที่ประจำการใน Subaru BRZ แต่จูนให้มีพลังสูงขึ้นเล็กน้อย เป็น 232 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที และลากรอบได้สูงสุก 7,400 รอบ/นาที (Subaru BRZ 228 แรงม้า) พร้อมกับแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 3,700 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยการขับเคลื่อนที่ 2 ล้อหลัง ผ่านชุดเกียร์ที่มีให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ส่งให้ Toyota GR 86 ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 6.3 วินาที หรือเร็วกว่า 86 เจนเนอเรชั่นก่อนถึง 1 วิ.
ความปลอดภัย…มาก่อนเสมอ
สำหรับ Toyota GR 86 รุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะมาพร้อมฟังค์ชั่นความปลอดภัยอันเลื่องชื่อ Subaru EyeSight Driver Assist ที่ช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยในขณะขับขี่ ด้วยเซ็นเซอร์ในรูปแบบกล้อง ทำหน้าที่คล้ายดวงตาของผู้ขับขี่ ซึ่งก็จะทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ระบบการตรวจจับวัตถุและป้องกันการชน
พร้อมขายเมื่อไหร่ และราคาเร้าใจแค่ไหน ?
แม้จะเปิดตัวช้ากว่าถึง 5 เดือน แต่ Toyota GR 86 ก็มีแพลนที่จะขายในญี่ปุ่นช่วงเดือน กันยายน – ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป เช่นเดียวกับคู่แฝด Subaru BRZ (ยังไม่มีรายละเอียดสำหรับการจำหน่ายในประเทศอื่นๆ) โดยในอเมริกา กว่าจะได้เปิดตัว คงจะเป็นช่วงต้นปี 2565 และคาดว่าราคาจะอยู่ที่ราว 30,000 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนสำหรับในยุโรปนั้น เป็นที่แน่นอนแล้วว่า Subaru BRZ จะไม่ทำตลาด ส่วนข่าวคราวของเพื่อนต่างค่าย…คงต้องรอติดตามกันอีกที
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Scoop, Motor 1