แม้ประเทศไทยจะยังไม่พ้นวิกฤติจาก Covid 19 แต่ด้วยการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในวิถี New Normal ทำให้อีเว้นท์ใหญ่ๆ ยังคงดำเนินไปอย่างสวยหรู เช่นเดียวกับงาน Motor Show 2021 ที่ในปีนี้มีค่ายรถยนต์มาร่วมเปิดบูธในงานถึง 27 แบรนด์ พร้อมค่ายมอเตอร์ไซค์ชั้นนำ ที่ขนสองล้อรุ่นใหม่ๆ มาอวดโฉมมากมาย ซึ่งด้วยความน่าสนใจนี้เอง ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะนำ 10 ที่สุด ของรถยนตืและมอเตอร์ไซค์ที่น่าสนใจในงาน Motor Show 2021 มาบอกเล่าให้ทุกท่านได้รู้กัน
10.Maserati MC20
ออกสตาร์ทกันด้วยหนึ่งในซูเปอร์คาร์เพียงไม่กี่คัน ที่ถูกยกมาโชว์ในงานครั้งนี้ นั่นก็คือ Maserati MC20 ตัวแรงจากค่ายตรีศูลที่สืบทอดตำนานความเร้าใจจากรุ่นพี่อย่าง Maserati MC12 ที่สร้างชื่อให้กับทางค่ายเมื่อเกือบ 2 ทศวรรษก่อน (MC ย่อมาจากคำว่า Maserati Corse ซึ่ง Corse เป็นภาษาอิตาเลียน ที่มีความหมายเดียวกับคำว่า Racing ในภาษาอังกฤษ) MC20 เป็นรถประตูปีกนกรุ่นแรกของค่าย Maserati มาพร้อมเครื่องยนต์ Nettuno ที่ทางค่ายผลิตด้วยตัวเองในโรงงานที่โมเดน่า (หลังเลิกผลิตเครื่องเองกว่า 20 ปี) แบบ V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ (Pre Combustion Ignition) ทำกำลังได้ถึง 630 แรงม้า และเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.9 วินาที ค่าตัวของ Maserati MC20 อยู่ที่ 21,500,000 บาท
สะดุดตาที่สุดในงาน Motor Show 2021…คงหนีไม่พ้นสี Sao Paulo Yellow ของ BMW M4 Competition Coupé ที่เด่นมาแต่ไกล ชวนให้ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นต่างต้องเหลียว เป็นหนึ่งใน M Car ที่พร้อมจะพาผู้ครอบครองเข้าถึงความเป็นสปอร์ตได้อย่างเต็มขั้น นอกจากพละกำลังที่ดุดันในระดับ 510 แรงม้า สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจใน BMW M4 Competition Coupé ระบบช่วงล่างที่มาในรูปแบบAdaptive M รวมถึงเครื่องเคียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ ระดับการประมวลผลที่มีความละเอียดอย่างเหนือชั้น ช่วยสร้างความแตกต่างระหว่างเสถียรภาพในระดับสูง รวมถึงความสนุกในการขับขี่ที่บาลานซ์กันได้อย่างน่าสนใจ ค่าตัว 10 ล้าน เหลือทอนเป็นค่าน้ำมันให้ 1,000 บาท ถูกใจ…จัดไปครับ
8.Haval H6 Hybrid SUV
หักปากกาเซียนไปพอสมควร สำหรับการเปืดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของ SUV Mid Size จากค่าย Great Wall Motor ซึ่งนี่เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโลกของ Haval H6 Hybrid SUV ซึ่งมาในรูปแบบ Hybrid ดูจากสเปคแล้ว…ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ด้วยขนาดมิติตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในคลาส บวกกับขุมพลัง 1.5 ลิตร เทอรโบ + มอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีสมรรถนะรวมสูงถึง 243 แรงม้า 530 นิวตัน-เมตร พร้อมฟังค์ชั้นสุดล้ำที่เชื่อมต่อระหว่างตัวรถกับผู้ขับขี่ได้อย่างแนบแน่นมากขึ้น ในภาพรวมถือว่าดูดีพอที่จะแข่งขันกับเพื่อนร่วมตลาดได้แบบสบายๆ ที่เหลือคงต้องรอลุ้นราคา Haval H6 Hybrid SUV ในช่วงไตรมาสที่ 2 ว่าจะเปิดมาแล้วว้าวแค่ไหน การแข่งขันที่สูงขนาดนี้ ผู้บริโภคได้ประโยชน์แน่นอน
สำหรับคนที่ยังลังเลกับการใช้รถในรูปแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนๆ หรือต้องการรถที่เป็นคันหลักของบ้าน รถในรูปแบบ EV นั้น อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ รถยนต์ที่มาในรูปแบบ Plug-in Hybrid อาจจะเป็นคำตอบที่โดนใจมากกว่า ในปัจจุบันมีรถ PHEV ออกมาให้เลือกกันหลากหลายมากขึ้น ในสมรรถนะที่สูงขึ้นเช่นกัน โดยส่วนมากสามารถวิ่งในรูปแบบ EV ได้ในระยะทาง 50 – 60 กม. แต่สำหรับ Mercedes-Benz GLE 350 de 4MATIC Exclusive ดูจะเป็นอะไรที่ Expert กว่านั้น (C-Class เจนเนอเรชั่นต่อไปก็เช่นกัน) โดยเป็นการ Collab กันระหว่างเครื่องยนต์ดีเซล มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่สามารถวิ่งได้ด้วยโหมด EV ได้ไกลถึง 106 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุดจากการปั่นด้วยมอเตอร์ล้วนๆ ถึง 160 กม./ชม. และมีค่าตัวสุดคุ้ม 4.699 ล้านบาท สุดกว่า ณ ชั่วโมงนี้…คงไม่มีแล้ว
หากมีข้อถกเถียงกันในประเด็นที่ว่า รถยนต์ค่ายไหนเป็นผู้นำในวงการนวัตกรรมของโลก หนึ่งในค่ายที่จะถูกพูดถึงอย่างแน่นอนเลยก็คือ Audi แน่นอนว่า รถไฟฟ้าในตระกูล e-tron เป็นชื่อที่คุ้นหูมานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป Audi e-tron ก็เก็บเลเวลขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด จนกระทั่งล่าสุดได้เผยโฉม 3 รุ่น ตระกูล GT ในบ้านเรา ด้วยราคาแบบสุดว้าว เริ่มต้นเพียง 6.39 ล้านบาท แลกกับความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนที่สามารถวิ่งได้ทะลุ 500 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (ซึ่งเป็นรถยนต์ในรูปแบบ EV ที่วิ่งได้ไกลที่สุดที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน) อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีระดับชั้นนำมากมาย เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ มันไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะปฏิเสธ หากเป็นคนที่มีกำลังในการเข้าถึง ชื่นชอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และคลั่งใคล้อารมณ์สปอร์ตเป็นชีวิตจิตใจ
หาก Audi e-tron GT เป็นรถที่สะท้อนด้านเหตุผล Porsche Taycan ก็คงเป็นเครื่องจักรที่สะท้อนด้านอารมณ์ได้อย่างชัดเจนที่สุดรุ่นหนึ่งเช่นกัน แน่นอนว่าด้วยพื้นฐานการพัฒนาที่ใช้ร่วมกัน ทำให้รถทั้ง 2 ตระกูลนี้ มีความคล้ายคลึงกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ สิ่งที่แตกต่างกันก็คงจะเป็นโลโก้ของแบรนด์ ภาพลักษณ์ รวมถึงการปรับคาแร็กเตอร์และสมรรถนะให้เหมาะสมกับรูปแบบของแบรนด์นั้นๆ ด้วยการใส่คาแร็กเตอร์เฉพาะตัวของแบรนด์เข้าไป หากเน้นเรื่องความคุ้มค่า e-tron GT นั้นตอบโจทย์ได้แน่ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มองความถูกใจ จ่ายมากกว่าก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน…ก็ไปให้สุดกับ Porsche Taycan ได้เลย เริ่มต้น 7.1 ล้านบาท…ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก ! ลอง เทียบสเป็ครถ EV ดูก็ได้
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป องค์ประกอบต่างๆ ก็ล้วนต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา หากถามถึงเกียร์ธรรมดาในรถยนต์ยุคใหม่ๆ (ไม่นับปิคอัพนะ) คงจะเป็นอะไรที่ยากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรไปเสียแล้ว แต่ไม่ใช่กับ Mini Paddy Hopkirk Edition ที่ต้องการให้ผู้ขับขี่ย้อนอดีตไปกับตำนานแชมป์ มอนติคาร์โล แรลลี่ โดย Mini รุ่นพิเศษนี้ เป็นการนำ Mini Cooper S 3 ประตู พละกำลัง 192 แรงม้า 280 นิวตัน-เมตร มาต่อยอดด้วยเครื่องเคียงและลวดลาย พร้อมด้วยลายเซ็นของ แพดดี้ ฮ็อปเคิร์ก ที่บริเวณคอนโซล โดยทำมาในจำนวนจำกัดเพียง 37 คัน ตามหมายเลขเบอร์ข้างรถ ราคาปกติอยู่ที่ 2.91 ล้านบาท แต่สำหรับผู้ที่ซื้อในงาน Motor Show 2021 จ่ายเพียง 2,555,000 บาท เท่านั้น ใครเป็นสายสับ…รีบเลย !
ถ้าคุณรู้จักคำว่า Tonal Balance รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่าง Volvo XC40 Recharge Pure Electric อาจจะเป็นรถที่ให้ Tonal Balance ที่ดีที่สุดในงานเลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือ รถที่ให้องค์ประกอบโดยรวมที่น่าสนใจที่สุดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่มีความทันสมัย ใช้พละกำลังจากการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ที่ให้กำลังรวมกว่า 400 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 660 นิวตัน-เมตร ซึ่งแน่นอนว่านี่คือ สมรรถนะที่คู่ควรกับการยอมรับ อีกทั้งความเป็น Volvo ยังคงสื่อถึงความเป็นรถในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งเมื่อเอาทุกองค์ประกอบมารวมกัน แล้วเฉลี่ยในค่าตัวที่ 2.59 ล้านบาท ของ Volvo XC40 Recharge Pure Electric ดูจะตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าในภาพรวมได้อย่างน่าสนใจ อย่าลืม…ว่ารถที่ราคาถูก ไม่เสมอไปว่าจะเป็นรถที่คุ้มค่า เช่นเดียวกัน…รถที่ราคาสูง ก็ใช่ว่าจะเป็นรถที่ดี !
เมื่อโลกมาถึงยุคที่รถไฟฟ้ากลายเป็น “ปัจจุบัน” ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ ผู้ใช้ก็เริ่มที่จะเปิดรับอะไรใหม่ๆ ซึ่งการเปิดตัวของแบรนด์ Ora นั้น ได้กระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม Black Cat เรียกได้ว่าเป็นน้องเล็ก ซึ่งหากพิจารณาตจากองค์ประกอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระยะทาง 300 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ความเร็วสูงสุด 102 กม./ชม. ระยะเวลาในการชาร์จปกติที่ประมาณ 10-12 ชม. สำหรับแบตเตอรี่ที่มีความจุหลัก 30.8 kwh คงต้องยอมรับว่า…นี่คือ รถที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในเมืองอย่างแท้จริง ความได้เปรียบของ Ora Black Cat คือ เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กเพียงหนึ่งเดียวที่มีโอกาสจะทำตลาดในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน ดีไซน์โดยรวมถือว่าผ่าน คุณภาพภายในห้องโดยสารก็ถือว่าตรงกับวัตถุประสงค์และรูปแบบการใช้งาน แต่ปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดความสำเร็จ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ราคา” เท่านั้น
จากภาพถ่าย…ดูเหมือนเป็นความหยาบเล็กๆ ที่ยังมีหน้าจะถ่ายมาลงได้ ทั้งๆ ที่รถยังเปิดประตูอยู่ แต่เชื่อเถอะ…มันเป็นปัจจัยที่ชี้วัดถึงความสนใจที่ผู้เข้าชมงานมีให้กับ Ora Good Cat ได้อย่างชัดเจนที่สุด หากเข้าใจไม่คาดเคลื่อน นี่คงจะเป็นรถที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในงาน Motor Show 2021 ซึ่งเมื่อดูจากองค์ประกอบ นอกจากเรื่องของภาพลักษณ์แล้ว ต้องยอมรับเลยว่า Ora Good Cat ก็น่าสนใจจริงๆ ทั้งรายละเอียดที่ดูมีความพิถีพิถันกว่ารุ่นน้องร่วมค่าย รวมถึงสมรรถนะที่พร้อมจะฟัดกับเจ้าตลาด ณ ปัจจุบันได้อย่างไม่ขัดเขิน แต่ข้อได้เปรียบคือ ด้วยเบตเตอรี่พิกัด 59.1 kwh การชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งได้ไกลถึง 500 กม. ดูจะระยะแล้ว…ถือว่าพร้อมมาก รออย่างเดียว คือ ทางค่ายพร้อมจะเปิดราคาและเปิดขายเมื่อไหร่…ก็เท่านั้นแหละ
ปล.เป็นบทความที่ใช้ทั้งเหตุผลและอารมณ์ในการเลือก ดังนั้นอาจไม่ตรงใจผู้อ่านทั้งหมด หากมีข้อสงสัยหรือต้้องการแลกเปลี่ยน สามารถพูดคุยกันได้ใน #สด…ขับซ่า ทาง แฟนเพจ ขับซ่า ทุกวันพฤหัสฯ เวลา 19.30 น. เป็นต้นไปครับ