Mercedes Benz C-Class 2021 สเปคโหดสุด วิ่ง EV Mode จัดเต็ม 100 กม. ไม่ง้อน้ำมัน


Upgrade your comfort zone สโกแกนล่าสุดของ Mercedes Benz C-Class 2021 ที่เพิงจะเปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ ส่งตรงจากสตู๊ดการ์ด ประเทศเยอรมนี การกลับมาครั้งนี้ เรียกได้ว่าทางค่ายจัดเต็มเรื่องสเปคและเทคโนโลยี สิ่งในที่มีใน S-Class หลายสิ่งอย่างล้วนเป็นแรงบันดาลใจที่ได้รับการถ่ายทอดให้กับ Mercedes Benz C-Class (W206) เจนเนอเรชั่นล่าสุดนี้

Mercedes Benz C-Class นับเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด หลังจากเปิดตัวเจนเนอเรชั่นแรกมาเมื่อตั้งแต่ปี 1982 (W201 หรือ 190 Series เดิม) ซึ่งนับจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 6 ในปัจจุบัน (ถ้านับแค่ C-Class แท้ๆ คือ เจนเนอเรชั่นที่ 5) สามารถทำยอดขายไปแล้วกว่า 10.5 ล้านคัน การถือกำเนิดของ Mercedes Benz C-Class รหัส W206 เป็นการกลับมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการต่อสู้แย่งชิงความสำเร็จ แม้ว่าในระยะหลัง ผู้ใช้มักจะหันไปให้ความนิยมกับรถในรูปแบบ SUV มากขึ้น

หากเรามองเผินๆ ในภาพลักษณ์โดยรวม อาจดูเหมือนไม่มีอะไรที่สดใหม่มากนัก ในความเป็น Mercedes Benz C-Class 2021 แต่แน่นอนว่า หากมองให้ลึกลงไป มีการปรับรายละเอียดต่างๆ ที่น่าดึงดูดใจ โดยมาใน 2 บอดี้ 2 สไตล์ ซึ่งก็มีทั้งในรูปแบบ Sedan และ Wagon ตัวถังถูกยืดความยาวกว่าเจนเนอเรชั่นก่อน 65 มม. และกว้างกว่าเดิม 10 มม. เรือนร่างดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ด้วยเส้นแนวหลังคาที่ลาดลง ในส่วนของเส้นสายไฟหน้า Digital Light มีความคมชัดมากขึ้น ส่วนไฟท้าย…นี่เป็นครั้งแรกที่มาในรูปแบบ 2 ชิ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับรุ่นพี่ในตระกูล E และ S-Class

สิ่งที่ว้าวมากกว่า คือ รายละเอียดภายในห้องโดยสาร ที่ยกระดับความหรูและลูกเล่นประดุจ S-Class เริ่มตั้งแต่ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ด้วยการยืดระยะฐานล้อเพิ่มอีก 25 มม. (2,865 มม.) ซึ่งนอกจากพื้นที่ในการโดยสารจะกว้างขึ้นแล้ว พื้นที่เก็บสัมภาระก็มากขึ้นตามไปด้วย โดยมีมากถึง 455 ลิตร สำหรับรุ่นซีดาน ส่วนรุ่น Wagon สามารถเก็บของได้ถึง 490 ลิตร และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,510 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง หน้าปัดมาพร้อมจอสีขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนระบบสั่งการ MBUX เจนเนอเรชั่นที่ 2 มาในแบบทัชสกรีนขนาด 11.9 นิ้ว วางในแนวตั้ง

ความน่าสนใจของ Mercedes Benz C-Class 2021 อยู่ที่เรื่องของขุมพลัง ซึ่งในทุกบล็อคจะมาพร้อมระบบตัวช่วยในการขับเคลื่อนด้วย Integrated Starter-Generator โดย Mercedes Benz C300 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลัง 255 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร เสริมกำลังชั่วครั้งชั่วคราวด้วย Integrated Starter-Generator (ISG) ที่ให้กำลังเพิ่มอีก 20 แรงม้า และแรงบิด 200 นิวตัน-เมตร ด้วยชุดเกียร์ 9 สปีด โดย Mercedes Benz C300 ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 4MATIC สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในระยะเวลา 5.9 วินาที นอกจากนี้ยังมีรุ่น C200 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 201 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตัน-เมตร พร้อมฟังค์ชั่นเสริมกำลังจาก ISG เช่นเดียวกัน โดยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ทำได้คือ 7.1 วินาที ทั้งในรุ่น 4MATIC ซีดานและแวกอน ส่วนรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ตัวซีดานทำไว้ที่ 7.3 วินาที ส่วนตัวแวกอนทำได้ 7.5 วินาที นอกจากนี้ยังมีน้องเล็กสำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินในรหัส C180 ที่มาในพิกัด 1.5 ลิตร แต่ดร็อปกำลังลงมาอยู่ที่ 167 แรงม้า 250 นิวตัน-เมตร แน่นอนว่ายังคงมีตัวช่วยเสริมกำลังอย่าง Integrated Starter-Generator ช่วยให้ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 8.6 วินาที

ในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซล มีมาให้เลือกถึง 3 ระดับ ใน 4 รุ่นย่อย ได้แก่  C200d, C220d, C220d 4MATIC และ C300d โดยมาในรูปแบบ Mild Hybrid โดยใช้พื้นฐานจากเครื่องยนต์ความจุ 2.0 ลิตร เริ่มต้นด้วยกำลัง 161 แรงม้า 380 นิวตัน-เมตร ไล่ไปถึงรุ่นกลาง 197 แรงม้า 440 นิวตัน-เมตร (มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 4MATIC) ปิดท้ายด้วยรุ่นแรง 261 แรงม้า 550 นิวตัน-เมตร ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 5.7 วินาที

ไฮไลท์ของ Mercedes Benz C-Class 2021 อยู่ที่รหัส C300e ซึ่งมาในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบ็นวินขนาด 2.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังรวม 308 แรงม้า และแรงบิด 550 นิวตัน-เมตร โดยในส่วนของมอเตอร์จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 25.4 KWh ที่สามารถวิ่งในโหมด EV ได้ระยะทางถึง 100 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งในรุ่นปลั๊กอินไฮบริดนั้น จะมาพร้อมช่วงล่างในรูปแบบ Air Suspension เพื่อรองรับน้ำหนักที่มากขึ้นจากการใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการปรับพื้นฐานของตัวรถให้มีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยระบบเลี้ยว 4 ล้อ ลดวงเลี้ยวให้แคบลง 17 นิ้ว โดยปรับมุมล้อหลัง 2.5 องศา ในทิศทางตรงข้ามกับการเลี้ยวในความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. แต่หากเกินกว่านั้นจะปรับมุมล้อในทิศทางเดียวกันเพื่อเสถัียรภาพการทรงตัวที่ดีขึ้น

Mercedes Benz C-Class 2021 พร้อมให้จับจองในยุโรปตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นไป โดยในช่วงกลางปีทางค่ายอาจมีการขยับอีกครั้งด้วยการส่ง C-Class All-Terrain รวมถึงรุ่นแรงอย่าง Mercedes-AMG C43 (หรือ 53) และ C63 ที่ใช้ขุมพลัง 4 สูบ ตามมาก็เป็นได้

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Motor 1, Carscoop


Related posts

สยบข่าวมั่ว ! Suzuki ยกเลิกทำตลาดรถยนต์ในไทย ย้ำ…แนะนำรถรุ่นใหม่ต่อเนื่อง ลุ้นทำตลาด EV SUV ในปี 2568

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งรุ่นพิเศษ “Night Edition” นำเสนอยนตรกรรม C-Class Plug-in Hybrid กับรูปลักษณ์ที่สปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น เปิดราคา 3.29 ล้านบาท

แปลกได้โล่ห์ ! ชม BMW XM เจ้าของฉายา Mystique Allure ตัวเด่นในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา เรียนรู้เพิ่มเติม