ในยุคที่ตลาด SUV กำลังเดินหน้ากันอย่างเมามันส์ ค่าย Mazda จึงไม่รีรอที่จะเติมเต็มช่องว่างด้วย Mazda CX-50 ยนตรกรรมพันธุ์ลุยในพิกัด C Segment ที่มาพร้อมเรือนร่างที่ดูกำยำ สมบุกสมบันมากยิ่งขึ้น เพื่ออุดช่องว่างของ Mazda CX-5 ที่ก่อนหน้านี้ แม้จะมีรุ่นที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่หลายๆ คนกลับบอกว่า ยังดูอ้อนแอ้นเกินไป หากเอาไปลุยแบบเต็มตัวในลักษณะของรถตรวจการณ์ที่เราคุ้นเคยในอดีต การกลับมาในครั้งนี้ของ Mazda CX-50 จึงเป็นการเน้นเรื่องของภาพลักษณ์และสไตล์ความเป็น SUV ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยตัวลุยรุ่นล่าสุดจากค่าย Mazda รุ่นนี้ มีแพลนจะทำตลาดในช่วงต้นปีหน้า
สมรรถนะและความรู้สึกในการขับขี่ที่คุ้นเคย
แม้ว่า Mazda CX-50 จะมาในลุคที่ดูเน้นการขับขี่ในเส้นทางออฟโร๊ดเป็นหลัก แต่เรื่องประสิทธิภาพการขับขี่บนถนน ทาง Mazda คอนเฟิร์มว่าสมรรถที่โดดเด่นจะยังคงอยู่ โดยเครื่องเคราหลักๆ จะยังคงเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ใน Mazda CX-5 นำทีมโดยเครื่องยนต์ในพิกัด 2.5 ลิตร Skyactiv-G ที่มีให้เลือกทั้งแบบ NA กำลัง 187 แรงม้า แรงบิด 252 นิวตัน-เมตร และรุ่นท็อปที่เป็นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เทอร์โบ กำลัง 250 แรงม้า แรงบิด 434 นิวตัน-เมตร นอกจากนี้…ในอนาคต Mazda CX-50 อาจมีการเพิ่มรุ่นที่มาพร้อมเครื่องยนต์ในรูปแบบไฮบริด ภายใต้ Knowhow ที่แชร์ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Toyota ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.5 HEV อยู่แล้ว ณ ปัจจุบัน
แม้ว่า Mazda CX-50 จะออกแบบมาให้สามารถขับขี่ในเส้นทางออฟโร๊ดได้มากกว่า Mazda CX-5 แต่คงไม่ใช่รถที่เหมาะกับสายลุยจ๋าๆ ที่ต้องฟันฝ่าเส้นทางบนไฮเวย์หลายร้อย กม. เพื่อไปขับในเส้นทางออฟโร๊ดเพียงไม่กี่สิบ กม. ดังนั้นคาแร็กเตอร์หลักๆ ในความเป็น Mazda CX-50 คือ การเน้นขับขี่ในเส้นทางไฮเวย์ ที่เน้นรายละเอียดเพื่อให้สามารถลุยในเส้นทางวิบากได้ดียิ่งขึ้น เป็นการปรับให้สามารถลุยได้อย่างสมบุกสมบันที่สุด โดยไม่เสียคาแร็กเตอร์ รวมถึงสมรรถนะการขับขี่บนทางเรียบไป หรือเพื่อการใช้งานที่ “มีความเป็นกลาง” ในทุกๆ รูปแบบ โดยเฉพาะการขับขี่ใน Mi-Drive Mode ที่เป็นการปรับฟีลลิ่งการขับขี่ให้คงเดิมมากที่สุด แม้ต้องเดินทางในเส้นทางที่มีคอนดิชั่นที่แตกต่างกัน แม้ Mazda CX-50 จะมีโหมดการขับขี่ Off Road ให้เลือก แต่ในโหมดนั้น จะไม่ได้มีการซอยย่อยสำหรับการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ แบบเดียวกับที่รถออฟโร๊ดสเป็คสูงๆ มีให้เลือก
ขับเคลื่อนสี่ล้อ = มีทุกรุ่น
เพื่อให้สมกับความเป็น SUV สำหรับสายลุย Mazda CX-50 ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ All-Wheel Drive รวมถึงระบบ Intelligent Drive Select ซึ่งนอกจากระบบเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ในเส้นทางออฟโร๊ดแล้ว ยังจะช่วยยกระดับสมรรถนะของ Mazda CX-50 โดยการกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อต่างๆ ทั้งหน้าและหลังให้เหมาะสม สำหรับการขับขี่บนนถนน เพื่อให้สามารถบังคับควบคุมรถได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มเสถียรภาพในโหลดการทำงานที่แตกต่างกัน เช่น ในขณะที่ลากพ่วง โดยจะมีระบบ G-Vectoring Control มาช่วยเพื่อเก็บอาการของตัวรถ Mazda CX-50 ให้นิ่งที่สุด
เติมความสูง เพื่ออิสระในทุกการเดินทาง
ด้วยความที่ Mazda CX-50 ออกแบบมาให้สามารถลุยในเน้นทางออฟโร๊ดได้มากยิ่งขึ้น งานนี้จึงมีการยกระดับความสูงของตัวรถให้มากขึ้นด้วย ส่งผลโดยตรงต่อระยะ Ground Clearance พร้อมทั้งยังติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพื่อตอบโจทย์สำหรับสายลุย เช่น แร็คหลังคา, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ การออกแบบและตกแต่งภายในห้องโยสาร ยังเป็นไปตามแนวคิดที่ Mazda เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางการควบคุม พร้อมกับการเลือกใช้วัสดุที่ดูพรีเมี่ยมากยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก CarScoop