ช่วงที่ “ปล้อน” ยังเป็นเด็กอยู่แถวภาคเหนือนั้น “อาเดียว-ภูษิต โลกานุเคระห์” เริ่มศึกษาบ้าบิ๊กไบค์แล้ว เห็นอ่านิตยสารสปีดเวิร์ลที่โด่งดังยุคนั้น เวลา “ตึงเบียร์” แกมักจะเล่าถึงรถที่แกใฝ่ฝัน เป็นตำนานบิ๊กไบค์ ไล่จาก HARLEY-DAVIDSON EL ปี 1936, TRIUMPH T120 Bonneville ตัวปี 1959 และตัวที่ออกมา ณ ปีนั้น HONDA CB750 Four ตัว 1969 ที่ปล้อนจะนำมาถ่ายทอดในวันนี้
จริงๆแล้วหลังจาก HONDA ตัวนี้ปล้อนอยากจะเล่ายาวไล่จาก HONDA CT70 Trail ตัว 1970, HONDA GL1000 Gold Wing ตัว 1975, HARLEY-DAVIDSON Low Rider ตัว 1977, BMW R 80 G/S ตัว 1981, KAWASAKI ZX900 Ninja ตัว 1984, SUZUKI GSX-R 750 ตัว 1985, DUCATI M900 Monster ตัว 1993, YAMAHA YZ400F ตัว 1998, ZERO SR ตัว 2014, EBR 1190RX ตัว 2014 และ HONDA NM4 ตัว 2015 ด้วย
ช่วงที่ HONDA ปล่อย CB750 Four ออกมานั้น ถือเป็นการแจ้งเกิดวงการมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น ให้ขึ้นไปเทียบชั้นกับค่ายรถฝรั่งได้อย่างไม่น้อยหน้า เพราะหลังจากนั้นมาพวกเขาก็ไม่แพ้ฝรั่งอีกต่อไป ทั้งในตลาดและสนามแข่ง ในบรรดานั้น HONDA คือยี่ห้อที่วงการชื่นชม ยกย่อง ซึ่งก็มีถัดมาอีกหลายรุ่นเหมือนกัน แต่ทุกคนก็ยังนึกย้อนถึง HONDA CB750 Four ซีรี่ย์แรก ที่ออกมาขายในช่วง 1969-1978 ในยุคของเครื่องแค็มเดี่ยว ที่ไล่จากที่ยังไม่มีตัวอักษรอะไรห้อยท้ายซีเรี่ยลนัมเบอร์ จนเริ่มมีตัว K ตัว F ตัว A (ตัวเกียร์ออโต้)มากำกับ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าพอถึงยุคทวินแค็มแล้ว CB 750 จะด้อยศักดาลง ด้วยเทคโนโลยีที่พวกเขาใส่อันล้ำหน้าช่วงปีนั้น !!
HONDA CB750 Four ไล่รถอังกฤษกลับบ้าน !!??
มันคือตัวจี๊ดรุ่นใหม่ ใส่ไฮเทคโนโลยีล้ำหน้ายุคนั้นเต็มเปี่ยม คลอดออกมาปี 1969 ก็ประกาศศักดาส่งรุ่นพี่จบไปทันทีสองรุ่น คือ BSA Rocket 3 และ TRIUMPH 750 Triple ที่บังเอิญซวยมาเปิดตัวในเวลาใกล้เคียงกับมัน !! รถอังกฤษทั้งสองถึงกับขายไม่ออกเพราะล้าสมัยกว่ามิติ ไล่จากเครื่อง 4 สูบวางขวาง โอเว่อร์เฮดแค็ม 4 คาร์บู สตาร์ทมือ ควอเตอร์ไมค์ไม่ถึง 13 วิ ดิสค์เบรค เครื่องอึดทน วางใจได้ ดูแลง่าย วิ่งรูดยาวทั้งวันไม่มีปัญหา ใช้งานเหนือกว่า ให้มาเยอะกว่า แต่ขายในราคาที่ถูกกว่ามอเตอร์ไซค์อังกฤษและอเมริกา !!
อาเดียวยกย่อง “เครื่อง” ติเรื่องการขับขี่ !!
แม้แต่ฝรั่งก็ยังยกย่องเครื่องบล็อคนี้ เพราะพัฒนาจากประสบการณ์การแข่งทางเรียบ ญี่ปุ่นฉลาดในการแจ้งเกิดที่สหรัฐในงานแข่งระดับประเทศ ขณะที่คู่แข่งอย่าง HARLEY-DAVIDSON ยังคงใช้เครื่องโบราณพวก Side Valve/Overhead Valve ฝั่งอังกฤษยังคงย่ำอยู่กับเครื่อง 2/3 สูบ ในพิกัด 750 cc. เมื่อเจอกับเครื่อง HONDA ที่มี 4 สูบโอเว่อร์เฮดแค็มชาฟท์ ย่อมเสียเปรียบเป็นธรรมดา HONDA ใช้เวลาเลือกเทคโนโลยีที่คิดว่าเหมาะสมไม่นานนัก ก็ได้ตัวแข่ง ‘CR750 s’ ลงสนามแข่ง แม้ผลงานช่วงเปิดตัวออกมาไม่ดีนักในสนาม Daytona, Isle of Man TT races มีทั้งพังและไม่ติดอันดับสูง เนื่องจากปัญหาด้านการควบคุมรถ แต่พวกเขาก็ได้เรียนรู้ นำประสบการณ์ที่ได้มาใช้พัฒนาตัวแข่งรุ่นต่อมาจนได้รับชัยชนะในที่สุด รวมทั้งยังได้นำเทคโนโลยีทั้งหลายนั้น มาพัฒนา CB750 Four ที่ผลิตออกขายเป็นอันมาก
คร่าวๆกับเครื่อง
เครื่องยนต์ พิกัด 750 ซีซี.(สุทธิ736 ซีซี.) อัตราส่วนกำลังอัด 9.0 : 1 กระบอกสูบ 2.4 นิ้ว ช่วงชัก 2.5 นิ้ว 4 สูบ 4 จังหวะ โอเว่อร์เฮดแค็มชาฟท์ คาร์บูเรเตอร์ 28 มม. ของ HEIHIN จำนวน 4 ตัว ระบายความร้อนด้วยอากาศ 68 แรงม้าที่ 8,500 rpm แรงบิด 44 ปอนด์-ฟุต ที่ 7,000 rpm บิดได้สูงสุด 201 กม./ชม. มันคือพี่ใหญ่ที่กรุยทางให้น้องๆร่วมประเทศอย่าง KAWASAKI Z1, SUZUKI GS750, YAMAHA XS Eleven เจาะเข้าตลาดอเมริกาและตลาดโลกสำเร็จที่คนในวงการยุคนั้นทราบดี
HONDA CB750 Four แจ้งเกิด UJM
UJM หรือ Universal Japanese Motorcycle นั้นที่มาที่ไปแม้จะดูคล้าย JDM(Japanese Domestic Market) หรือ USDM(United States Domestic Market) ในวงการสี่ล้อค่ายญี่ปุ่น แต่ถ้าเข้าไปศึกษาจริงจังจะพบว่าบริบทมันแตกต่างพอสมควร JDM และ USDM นั้นนัยยะของมันออกไปทางบวก วงการยอมรับในคุณภาพ สมรรถนะ วางใจได้ในการใช้งาน ส่วน UJM นั้นมาในแนวที่ฝรั่งขมขื่นแกมระทม กับการต้องเปลี่ยน “Mindset” มายอมรับว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดมอเตอร์ไซค์พิกัดกลาง/ใหญ่ โดยมีญี่ปุ่นเป็นผู้นำ ด้านสไตล์ การยกระดับมาตรฐาน เจาะตลาดสำเร็เข้าไปรุกรานผู้ผลิตรายเดิมของกอเมริกาและอังกฤษ ที่ปรับแนวรับไม่ทัน
ชาวญี่ปุ่นสามารถนำเสนอ Everything ทุกสิ่งอย่าง ลงไปในมอเตอร์ไซค์ใหญ่ได้อย่างลงตัว “ครอบจักรวาลบนอานมอเตอร์ไซค์” โดยมี HONDA CB750 Four เป็นตัวนำร่อง จนกลายเป็น “Big Four” (HONDA, YAMAHA, SUZUKI, KAWASAKI) ในวงการมอเตอร์ไซค์โลกนับแต่นั้น !!
“CB750 Four – Japanese Human Engineering”
ญี่ปุ่นจะละเอียดละออกว่าฝรั่ง นำข้อมูลพฤติกรรมการใช้ ความชอบ ความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นฐานรากการพัฒนาเสมอ จาก Human Engineering เมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน นำมาเพิ่มพวก Ergonomics คำนึงถึงสรีระ ท่วงท่า สัดส่วน มิติ พื้นผิวสัมผัส ให้ผู้ใช้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ไม่เหนื่อยล้า CB750 Four คือหนึ่งในปรัชญาการออกแบบและผลิตแนวนี้ แม้จะเป็นรถสปอร์ตที่ออกแบบมาให้ขับขี่ทางไกลด้วยความเร็วสูง แต่ก็ปลอดภัย รู้สึกสบายภายใต้สมรรถนะที่สูง
- แฮนด์ที่ะยกสูง การนั่งขี่ควบคุมง่าย ไม่เมื่อยล้า ดูกร้าวราวผสมช๊อปเปอร์ที่ตอนนั้นกำลังนิยม ปูรากฐานสู่หลักการออกแบบ Ergonomics ยุคถัดมา
- ทรงตัวดี ไม่เสียอาการไม่เสียว ในความเร็วระดับ 140-160 กม./ชม. บนทางเรียบ มีพลังเหลือให้เรียกใช้ได้อีก ณ การขับขี่ความเร็วระดับนั้น
- เบรคงดี มั่นใจเมื่อใช้ลดความเร็ว แม้น้ำหนักบรรทุกมาก
- ลดการสั่นและเสียง ลดอาการล้าในการขับขี่ระยะไกล
- ออกแบบท่านั่งและการควบคุมการใช้งานเหมาะสม เรียนรู้ง่าย สะดวก ผู้ใช้งานรู้สึกสบายที่สุด
- ปุ่มปรับ สวิทช์ มาตรวัด ไฟ มีขนาดใหญ่ เข้าใจง่าย
“ช่วง Pre-production”
ก่อนขายจริงทีมงาน HONDA ได้ทดสอบหาจุดบกพร่องควบคู่ไปด้วย ปรับปรุงทุกอย่างให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนปล่อยขาย เช่นเมื่อพบว่าเบรคกินแผ่นดิสค์มากไป มีเสียงดังเกินไป ซึ่งคือปัญหาหลักของรถใหญ่ ความเร็วสู ก็ทำการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น พวกเขาปรับจนวินาทีสุดท้าย จนทำให้ HONDA CB750 Four สามารถแจ้งเกิดในวงการรถสปอร์ตพิกัดใหญ่สำเร็จ
มันส่ง “BSA Rocket 3” และ TRIUMPH Trident ที่ใช้เทคโนโลยีล้าหลัง แม้จะวางเครื่อง 750 ซีซี. เท่ากัน แต่มีแค่ 3 สูบ โบราณแบบโอเวอร์เฮดวาล์ว ที่ได้มาแค่ 58 bhp ที่ 7,500 rpm ในขณะที่ HONDA ทำได้ 68 แรงม้าที่ 8,500 rpm บิดได้สูงสุด 201 กม./ชม. ในขณะที่รถอังกฤษทำได้เพียง 188 กม./ชม. !!
มันคือการเสื่อมสลายของ “บริทิชคาเฟ่เรซเซ่อร์” ที่ “อาเดียว” ทิ้งท้ายอย่างขมขื่น !!!
………………
ติดตามข่าวสารขับซ่าได้ ที่นี่
ชมรายการขับซ่า34 ย้อนหลังได้ ที่นี่