ลองไปไล่ดูโคตรพ่อต้นสาแหรกของมัน ตั้งแต่ยังเป็น PRINCE พวกตระกูล Skyline ALSI, BLSI และ S ที่มีตั้งแต่ ALSI-1, ALSI-2, BLSI-3 และ S21 ยุคก๊อปปี้อังกฤษ จนมารวมตัวกับ DATSUN พวกเขาก็ได้สร้างปรากฎการณ์ความเร็วที่สนามแข่ง ‘ซูซุกะ’ บ้านเกิดของตัวเอง กับ Skyline GT ตัว Japanese GP (S54R) เครื่องบล็อค G7B-R เมื่อ 56 ปีที่แล้ว
Skyline GT (S54A และ S54B)
ชัยชนะที่ได้ครั้งนั้น เป็นการกรุยทางขยายผลเชิงพาณิชย์ ด้วยการผลิตรถโปรดัคท์ชั่นออกมาขายจริงจำนวนมาก มันคือ Skyline GT ที่มีทั้ง GT-A(S54A) และ GT-B(S54B) วางเครื่อง 6 สูบเรียง 2 ลิตร(1,988 ซีซี.) จากบล็อค G-7 ของ PRINCE เป็นเครื่องสแควร์ ที่มีกระบอกสูบและช่วงชักเท่ากัน คือ 75 มม.
ตัวแรกเป็นรถบ้านๆ กำลังอัดแค่ 8.8:1 คาร์บูเดียว ได้มา 105 PS แรงบิด 16 kg-m กับเกียร์ 4 สปีด ตัวหลังปรับลูกสูบให้กำลังอัดสูงขึ้นเป็น 9.3:1 ปรับก้านสูบ ข้อเหวี่ยงแข็งแกร่งขึ้น ใส่ WEBER 40 DCOE เข้าไป 3 ตัว คราวนี้ได้ออกมา 125 PS ที่รอบต่ำแค่ 5,600 rpm กับแรงบิด 17 kg-m เกียร์ ZF โคลสเรโช 5 สปีด มีการปรับแต่งช่วงล่างใส่เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปเสริมการส่งกำลังขณะเข้าโค้งเข้าไป
SKYLINE ซีรี่ย์นี้ออกมาแทนรถรุ่นพ่อ ทั้ง A,B และ S สมัยที่ยังไม่ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท PRINCE ในปี 1967 ด้วยโฉมที่ยังคงหาความสวยงามทั้งคันลำบาก ทีมงานตัดสินใจนำแชสซีส์ของ DATSUN Gloria มาปรับให้ช่วงหน้ายาวขึ้น ขยายวีลเบสออกไปอีก 8 นิ้ว ให้รองรับเครื่อง 6 สูบเรียงของ PRINCE ที่ได้กล่าวไปแล้ว มีทั้งรถบ้าน 1 คาร์บู และพวก ‘แสร้งว่าแรง’ ที่ให้มา 3 คาร์บูของ WEBER มา ตัวรถมีเอกลักษณ์ด้านท้ายที่บอกกล่าวตัวตนมัน คือไฟท้ายกลมคู่ ที่บ้านเราเรียกไฟโดนัท ซึ่ง Skyline ยังคงเอกลักษณ์นี้ไว้ ตราบจนทุกวันนี้
Skyline GT ตัวแข่งเจแปนนิสกรังด์ปรีซ์ 1965
เครื่องบล็อค G-7 ที่นำมาจาก DATSUN Gloria(S41)นี้ ได้ถูกนำมาให้ PRINCE โมดิฟายออกมา กลายเป็นบล็อค G7B-R ใช้ฝาสูบครอสส์โฟลว์ 165 แรงม้า จำนวน 100 คัน ครบตามข้อกำหนด ‘Homologation’ พอดี เตรียมลงแจแปนิสกรังด์ปรีซ์ในรุ่น GT-II ซึ่งไม่ง่ายเพราะมี PORSCHE 904 Carrera GTS ตัวบล็อค 4 สูบ ที่เรียกว่า ‘ทับ4’ เป็นเจ้าของบรรลังค์อยู่ Skyline ยุคนั้นจึงทำได้ แค่อันดับ 2 ถึง 6 เท่านั้น สามารถเปิดโลกการแข่งขันครั้งแรก อย่างไม่เสียกำลังใจ
ลองมาดูกันว่า Skyline GT ตัว Japanese GP (S54R) เมื่อห้าสิบกว่าปีก่อนแสบอยางไร มันคือรถโรงงานที่สร้างพิเศษ เป็น ‘ของจริง’ คันหนึ่งทีเดียว จากตัวเลขที่โรงงานส่งมอบเครื่อง G-7 ขนาด 2 ลิตร(สุทธิ 1,988 ซีซี.) ที่ปรับแต่งมาพิเศษ ออกมาเป็นบล็อค G7B-R ส่งมอบให้ DATSUN เคลมมา 165 PS วัดจริงออกมาได้ 152 PS ที่ 6,800 rpm แรงบิด 176.5 Nm ที่ 6,000 rpm น้ำหนักตัวรถ 998 กก. กดได้เต็มที่ 189 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที ทำควอเตอร์ไมล์ได้ 15.8 วินาที
“ของแรง” ที่แท้จริง DATSUN R380 บล็อค GR8 ตัวแข่ง GP
R380 มาแบบเต็มแข่ง สร้างเพื่อลงในรุ่นสปอร์ตโปรโตไทป์ ตัวถังอลูมิเนียม วางครอบบนแชสซีย์ที่ถอดแบบจาก BRABHAM BT8 ของอังกฤษ ลดน้ำหนักจนเหลือเพียง 620 กก. คราวนี้ให้ PRINCE พัฒนาเครื่องบล็อคใหม่ออกมา มันคือ GR8 ไม่คบกับฝา OHC อีกต่อไป จึงมากับ DOHC 6 สูบ 24 วาล์ว ขนาด 2 ลิตร(สุทธิ 1,996 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก เท่ากับ 82×63 มม.) ใส่ WEBER 42 DCOE มา 3 ตัว วางกลาง จากแค่ 165 PS ในบล็อค G7B-R พรวดไปเป็น 200 PS ที่ 8,400 rpm แรงบิด 17.5 kg-m ที่ 6,400 rpm นำออกมาซ้อม ปรับ อยู่ไม่นานก็ทำลายสถิติความเร็วมาตรฐานแข่งขันสากลได้
หมายเหตุ เครื่องบล็อค GR8 นี้ ต่อมาปรับขนาดคาร์บูมาเป็น WEBER 45 DCOE และเปลี่ยนมาใช้หัวฉีด LUCAS ได้ม้าเพิ่มมาอีก เป็น 220 PS ที่ 8,500 rpm และ 250 PS ที่ 8,400 rpm ตามลำดับ
DATSUN กับบล็อค R 380 คือตำนานในสนามแข่ง ที่ถูกสานต่อ ขยายมายัง DATSUN 510 และ 240 Z ทั้งแบบทางเรียบ ทางฝุ่น โลกได้รู้จัก สัมผัส ‘รุ่นลูกหลาน’ C10. C110, C210, R30, R31, R 32 และตัวที่คำว่า Skyline หายไป เหลือแค่ GT-R (R35) ที่เรารู้จักดีนั่นเอง
