คนที่ติดตามวงการยายนต์มาอย่างต่อเนื่อง น่าจะทราบกันดีว่า…ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ของโลกมานานหลายทศวรรษ และนำหน้าทั้งรถจากฝั่งเยอรมนีและเกาหลีที่ตามมาแบบห่างๆ ในอัตราส่วนทีน่าสนใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สถิติการส่งออกของรถจากทั้ง 3 ประเทศ ดูจะเริ่มสั่นคลอน เมื่อรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศจีน เริ่มส่งออกมาตีตลาดนานาชาติ ด้วยคุณภาพที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ ภายใต้การวางราคาที่สามารถแข่งขันได้ ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา รถยนต์แบรนด์จากประเทศจีน (รวมถึงรถที่ผลิตในประเทศ) สามารถทำยอดขายรวมได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะในตลาดใหญ่อย่างรัสเซีย และเม็กซิโก ที่ให้การยอมรับรถยนต์ที่ผลิตจากจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตัวเลขที่เกิดขึ้นในปี 2023 ถือเป็นเพียงการเริ่มต้นทำตลาดของรถจากประเทศจีนในดินแดนยุโรป และไม่รวมถึงในสหรัฐฯ ที่ ณ เวลานี้ อาจไม่ได้สร้างแรงดึงดูดประชากรชาวมะกันเท่าใดนัก แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่รถยนต์จากประเทศจีน ได้การยอมรับย่างล้นหลามในตลาดใหญ่ เช่น รัสเซีย รวมถึงในเม็กซิโก ซึ่งช่วยยกระดับปริมาณการส่งออกให้สูงขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยในปีที่ผ่านมานั้น Nikkei รายงานว่า มีการส่งออกรถยนต์จากประเทศจีน เพื่อทำตลาดในรัสเซียมากถึง 730,000 คัน (มกราคม – ตุลาคม 2023) มากกว่าในช่วงเดียวกันของปี 2022 ถึง 7 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถส่งออกไปยังประเทศเม็กซิโกได้ถึง 330,000 คัน แม้ว่าจะดูเป็นตัวเลขที่ไม่สูงมากนัก แต่หากเทียบอัตราการเติบโตแล้ว ถือว่ามีการส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 71% ซึ่งด้วยปัจจัยนั้นเอง ทำให้ผู้ผลิตรถแบรนด์จีนหลายแห่ง วางแผนที่จะตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ของตัวเองในประเทศเม็กซิโก เพื่อเหตุผลที่จะสามารถทำตลาดในอเมริกา โดยที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเต็มอัตราด้วย
อย่างไรก็ตาม…ตัวเลขการส่งออกรถยนต์จากประเทศจีนนั้น นอกจากรถยนต์ที่เป็นแบรนด์ภายในประเทศ ซึ่งมี BYD เป็นแบรนด์หลักในการทำตลาดต่างแดนแล้ว ยังมีการรวมรถบนต์แบรนด์อื่นๆ ที่ตั้งโรงงานผลิตและประกอบจากประเทศจีนเพื่อส่งออก เช่น BMW, Volvo รวมถึง Tesla ด้วยเช่นกัน