รีวิว Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive ถ้าความคุ้มค่าคือ สิ่งที่ใช้ Diesel PHEV คันนี้คือ จุดหมาย…วิ่ง110+ กม. ไม่ง้อน้ำมัน !!!


Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive

เป็นหนึ่งในรถที่ทางค่ายดาวสามแฉกส่งออกมาลุยตตลาดเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็สร้างความฮืฮามาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่ส่ง Mercedes-Benz GLE300 d AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศและสามารถทำราคาได้แบบว้าวๆ ที่  5,190,000 บาท ต่ำกว่าตอนที่เป็นรุ่นนำเข้าออยู่่ถึง 870,000 บาท พอมาในครั้งนี้ของ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive ซึ่งแน่นอนว่าเป็นรุ่นที่ประกอบในประเทศเช่นเดียวกัน สิ่งหนึ่งที่ช่วนให้สนใจ ยังคงอยู่ที่เรื่องของราคา ที่เปิดมาเพียง 4,699,000 บาท แต่ที่สะดุดอารมณ์คนที่อยากครอบครองไปกว่านั้นก็คือ เรื่องของรูปแบบของขุมพลัง ซึ่งเป็นครั้งแรกกับเครื่องยนต์ดีเซล ที่มาในรูปแบบ Plug-In Hybrid พร้อมแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 31.2 kWh ซึ่งทาง Mercedes-Benz เคลมไว่ว่า ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ สามารถวิ่งได้ไกลถึง 106 กม. ส่วนในความเป็นจริงนั้น จะทำออกมาได้ดีหรือใกล้เคียงกับสเป็คมากน้อยแค่ไหน ขับซ่า มีคำตอบให้ทุกท่านอย่างแน่นอน

หากมองในภาพรวมของกลุ่ม SUV พรีเมี่ยมขนาดกลาง ภาพที่ดูจะชัดเจนที่สุด คงหนีไม่พ้นการขับเคี่ยวกันระหว่างค่าย Mercedes-Benz ที่ส่ง Mercedes-Benz GLE มาเป็นตัวแทน และ BMW ที่มากับรถในตระกูล X5 xDrive หากเรามองเทียบกับในพิกัดตัวถัง พบว่าทั้งคู่มีความสูสี เบียดบี้กันค่อนข้างมาก สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนที่สุด ก็คงเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ ที่ทั้ง 2 แบรนด์พยายามใส่คาแร็กเตอร์ของตัวเองเข้าไป รวมถึงการใช้รูปแบบของการปลดปล่อยพละกำลังในการขับเคลื่อน ซึ่งมาพร้อมกลุ่มที่เป็นรูปแบบ Plug-In Hybrid และกลุ่มเครื่องยนต์ดีเซล ดูแค่ตรงนี้คงเลือกยาก เพราะองค์ปรกอบทุกอย่าง (ยกเว้นเรื่องหน้าตา) มันดูจะใกล้เคียงกันไปหมด ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ไปลงลึกในส่วนรายละเอียดอื่นๆ พร้อมกันครับ

Mercedes-Benz GLE และ BMW X5 xDrive

จะแสดงความแตกต่างให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อดูจากตารางด้านบน ที่แยกชัดระหว่างระบบการขับเคลื่อน 2 กลุ่ม 2 รูปแบบ ซึ่งหากมองให้ลึกลงไปในแต่ละรูปแบบ ก็จะเห็นถึงความแตกต่างในรายละเอียดได้มากขึ้นไปอีกขั้น ตั้งแต่ในกลุ่มที่เป็น Plug-In Hybrid ที่ทางค่าย Mercedes-Benz เลือกจับคู่ระบบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า ส่วน BMW จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์เบ็นซินที่มาในพิกัด 6 สูบ 3.0 ลิตร วัดกันด้วยเครื่องยนต์ล้วนๆ  ทางฝั่งใบพัดดูจะได้เปรียบกว่าอย่างชัดเจน แต่หากมองในเรื่องประสิทธิภาพของมอเตอร์และแบตเตอรี่ที่ใช้ในการขับเคลื่อนแล้ว ทางฝั่ง Mercedes-Benz ดูจะได้เปรียบขึ้นมาทันที เพราะด้วยมอเตอร์ที่มีกำลังสูงถึง 136 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตัน-เมตร (สูงกว่าแรงบิดของเครื่องยนต์) ทำให้ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive วิ่งด้วย EV Mode ได้เร็วถึง 160 กม./ชม. โดยส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ 9G Tronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Matic ไม่ต่างกับการขับเคลื่อนโดยใช้เครื่องยนต์ และด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไออนที่มีขนาดใหญ่ถึง 31.2 kWh ทำให้สามาถวิ่งได้ไกลทะลุ 100 กม. ด้วย EV Mode แบบสบายๆ โดยแบตเตอรี่ลูกนี้…หากชาร์จไฟด้วย Wallbox AC Charger ที่มีกำลังในการชาร์จ 7.4 kWh  จะใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive ยังสามารถชาร์จไฟกลับ โดยแปรผันความเข้มข้นในการชาร์จจากระยะห่างจากรถคันข้างหน้า เช่น ถ้าตามรถคันข้างหน้าแบบกระชั้นชิด ระบบก็ตตะชาร์จไฟกลับแบบเข้มข้นมากกว่าการตามแบบห่างๆ เพื่อเป็นการรักษาระยะและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากขึ้น ส่วนข้อได้เปรียบของ BMW X5 xDrive 45e M Sport

จะมีจุดเด่นที่แรงม้ารวม ซึ่งทำได้สูงกว่า ด้วยความที่ใช้เครื่องยนต์ในรูปแบบเบ็นซิน ที่มีความคุณสมบัติในการสร้างกำลังด้วยรอบเครื่องยนต์ รวมถึงการใช้ความจุที่มากกว่า จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่อัตราเร่งและความเร็วสูงสุดจะทำได้ดีกว่าทางฝั่ง Mercedes-Benz ที่ใช้เครื่องเล็ก (มองทะลุไปทางฝั่งของรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลล้วนๆ ทั้ง Mercedes-Benz GLE300 d AMG Dynamic และ BMW X5 xDrive  30d ก็เช่นกัน) ซึ่งก็อาจจะส่งผลในด้านอัตราสิ้นเปลืองที่สูงขึ้นตามไปด้วย รวมถึงความสามารถในการวิ่งด้วย EV Mode จะต่ำกว่าอยู่พอสมควร เนื่องจากมอเตอร์นี้มีกำลังน้อยกว่า รวมถึงแบตเตอรี่ที่มึความจุเพียง 24 kWh ทำให้ BMW X5 xDrive 45e วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนในความเร็วสูงสุดเพียง 140 กม./ชม. และทำระยะได้ที่ 80 กม. เท่านั้น

ในความเป็นจริงของ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive แม้ว่าจะเป็นรถที่โดดเด่นในเรื่องขุมพลัง แต่สิ่งที่ต้องแลกมา ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการรักษาระดับราคาให้สามารถแข่งขันได้ คงหนีไม่พ้นการที่ออพชั่นต่างๆ ย่อมที่จะถูกลดทอนลงไปจากรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ชอบความแพรวพราวของลูกเล่น อยากมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ใช้เยอะๆ แสงแห่งความโดดเด่นจะตกลงมาอยู่ที่ BMW X5 xDrive 45e และ Mercedes-Benz GLE300 d AMG Dynamic ที่ดูจะแข่งขันกันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ซึ่งหากเอาตัวหลักของเราอย่าง Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive ไปเทียบกับ BMW X5 ในรุ่นเริ่มต้นอย่าง xDrive 30d xLine ยังรู้สึกถึงความเสียเปรียบที่ทางค่ายใบพัดฟ้าขาวทำตรงนี้ออกมาได้อย่างชัดเจน ยกเว้นแต่ว่า…คุณจะรู้สึกว่าลูกเล่น และอินเตอร์เฟสการแสดงผลของหน้าจอ MBUX ขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอ รวมถึงชุดไฟ Ambiance Light ของฝั่ง Mercedes-Benz มันชนะเลิศในแง่ความรู้สึก ซึ่งต้องยอมรับว่า BMW เอาชนะตรงจุดนี้ได้ยากจริงๆ หากยังยึดติดอยู่กับเอกลักษณ์ดั้งเดิมของแบรนด์

เมื่อดูตารางด้านบน คงจะเห็นภาพรวมได้ชัดขึ้น โดย Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive แม้จะไม่ใช่รถที่เน้นความโดดเด่นด้านออพชั่น (ซึ่งตรงข้ามกับด้านพละกำลังและรูปแบบการขับเคคลื่อน) แต่ก็มีราคาที่ “พร้อมแลก” หรือสูงกว่าแค่ BMW X5 xDrive 30d xLine อยู่ 2 แสนบาท และเท่ากับ BMW X5 xDrive 30d M Sport ส่วนหากเทียบกับรุ่นที่เป็น Plug-In Hybrid ด้วยกัน มีส่วนต่างกับ BMW X5 xDrive 45e M Sport อยู่ที่ 3 แสนบาท ที่น่าแปลกใจ คือ ส่วนต่างราคาที่มากที่สุด กลับเป็นของรถในตระกูลเดียวกันอย่าง Mercedes-Benz GLE300 d AMG Dynamic ที่เน้นความโดดเด่นเรื่องออพชั่น และเป็นรุ่นเดียวในกลุ่มนี้ ที่มาพร้อมเบาะแบบ 7 ที่นั่ง จากโรงงาน แต่ด้อยกว่าในเรื่องระบบการขับเคลื่อน ซึ่งด้วยส่วนต่างที่สูงกว่ากันถึง 4.9 แสนบาท ทำให้กลุ่มลูกค้าของทั้ง 2 รุ่นนี้ แยกออกจากกันอย่างชัดเจนแบบ…ไม่ต้องคิดเยอะ

พื้นที่ใช้สอบภายในห้องโดยสายของ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive

ความน่าสนใจของ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive ไม่ได้อยู่ที่ระบบอย่างเดียว แต่ยังทำตัวเลขสมรรถนะได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย โดยทาง ทีมขับซ่า ใช้เครื่องมือ V Box ในการทดสอบอัตราเร่งในช่วงต่างๆ ซึ่งก็พบว่า การเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งของรถ SUV ที่มีน้ำหนักกว่า 2.6 ตัน คันนี้ สามารถทำได้อย่า่งน่าประทับใน โดยอยู่ในระดับ 7.38 วินาที ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4Matic ที่นอกจากจะให้เสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีแล้ว ยังช่วยกระจายกำลังลงสู่ล้อทั้งสี่ เพื่อสร้างอัตราเร่งที่รวดเร็วมากขึ้นอีกด้วย โดยสิ่งที่โดดเด่นมากกว่านั้น คือ ตัวเลขความเร็วในการเร่งแซง จาก 60-80 กม./ชม. และ 100-120 กม./ชม. อยู่ที่ 1.70 และ 2.86 วินาที ตามลำดับ อันเป็นผลมาจากการผสานกำลังระหว่างมอเตอร์ขับเคลื่อนและเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกันแล้ว ช่วยให้ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive ทำตัวเลขในระยะ Quater Mile ได้ที่ 15.44 วินาที ที่ความเร็วเข้าเส้น 148.70 กม./ชม.

อย่าลืมว่าความโดดเด่นที่ชัดเจนที่สุดของ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive อยู่ที่การขับเคลื่อนด้วยมอเตอรNไฟฟ้าแบบ EV Mode ซึ่งสำหรับการใช้งานทั่วไปนั้น ถือว่าตอบโจทย์ โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 148 กม./ชม. แม้จะต่ำกว่าที่สเป็คเคลมเอาไว้ แต่ก็ถือว่าครอบคลุมกับการใช้งานทั่วไป โดยหากเทียบในส่วนของอัตราเร่งด้วยการขับเคลื่อนโดยใช้ไฟฟ้าล้วนของ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive ต้องบอกว่าทำได้ไม่เลว แม้จะใช้คันเร่งได้เพียง 80% (กดคันเร่งเกินกว่านี้ เครื่องยนต์จะติดขึ้นมา ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของการทดสอบ) สำหรับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากการใช้มอเตอรืไฟฟ้าขับเคลื่อนอยู่ที่ 16.78 วินาที

ตามสเป็คของ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive เคลมระยะทางในการวิ่งด้วย EV Mode ไว้สูงสุดที่ 106 กม. แต่จากการทดสอบของ ทีมขับซ่า ในเส้นทางประจำสำหรับทดสอบรถในรูปแบบ Plug-In Hybrid หรือ Pajingo Ring พบว่า แม้สเป็คจะเคลมไว้กว่า 100 กม. แต่ตัวเลขที่แสดงบนหน้าจอ กลับถ่อมตัวด้วยระยะทางเริ่มต้นหลังจากการชาร์จไฟเต็ม 100% อยู่ที่ 88 กม. วิ่งเรื่อยๆ ตามสภาพการจราจรความเร็วเฉลี่ยในการเดินทางสลับหยุดนิ่งอยู่ในระดับ 27-33 กม./ชม. เมื่อแบตลดลงเหลือ 50% ระยะทางที่วิ่งได้คือ 60 กม. และเหลือระยะทางที่วิ่งได้ ซึ่งแสดงบนหน้าจออีก 48 กม. (ซึ่งหากวิ่งได้จริงตามนี้ คือ ถือว่าทำได้ดีเกินสเป็คเคลม) ทีมขับซ่า ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนครบ 100 กม.  หรือ 1 รอบ ของ Pajingo Ring ปรากฏว่ายังมีไฟในแบตเตอรี่เหลืออีกประมาณ 13% (ซึ่งปกติไม่เคยมีรถ Plug-In Hybrid คันไหนที่ทำได้) ทีมขับซ่า จึงตัดสินใจวิ่งซ้ำ Loop เดิมอีกครั้ง จนกระทั่งไฟในแบตเตอรี่หมดที่ระยะทาง 113 กม. เกินกว่าที่สเป็คเคลมเอาไว้ถึง 7 กม. อัตราสิ้นเปลืองไฟที่แสดงบนหน้าจอ คือ 20 kWh/100 กม. หรือคิดเป็น 0.20 kWh/กม. แน่นอนว่าสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับขี่ทำงานในเมือง มีออกชานเมืองบ้าง ในชีวิตส่วนใหญ่คงไม่เกิน 100 กม. อยู่แล้ว เท่ากับว่า ถ้าไม่ได้ออกต่างจังหวัด หรือขับไปไหนไกลๆ มีการชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ รถอเนกประสงค์ขนาดกลางอย่าง Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive แทบไม่ต้องใช้น้ำมันเลยทีเดียว

ทีมขับซ่า ขับ Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive ต่อจนครบ 2 รอบ ของPajingo Ring รวมระยะทาง 200 กม. พอดิบพอดี เมื่อนำมาคำนวนแล้ว เท่ากับว่าอัตราการกินไฟ 0.20 kWh/กม. คูณ ระยะทางที่วิ่งได้ 113 กม. เท่ากับว่า ใช้ไฟไปทั้งสิ้น 22.6 kWh (ส่วนที่เหลืออีก 8.6 kWh จากความจุของแบตฯ 31.2 kWh กั๊กไว้ใช้ต่อในระบบไฮบริด หลังหน้าจอแสดงปริมาณแบตเตอรี่เป็น 0%) หากคิดจากอัตราค่าไฟที่ 3.50 บาท/หน่วย คิดเป็นค่าไฟ 79.1 บาท ส่วนค่าน้ำมันในระยะที่เกินจาก 113 ไปแล้ว หน้าปัดแสดงอัตราสิ้นเปลืองที่ 25 กม./ลิตร ซึ่งหากเดินทางในระยะ 87 กม. (ต่อจาก 113 กม. จนครบ 200 กม.) จะใช้น้ำมันทั้งสิ้น 3.48 ลิตร นำมาคำนวนกับราคาน้ำมัน 28 บาท/ลิตร จะต้องใช้ค่าน้ำมันในส่วนนี้ 97.44 บาท ซึ่งเมื่อนำมารวมกันในระยะทาง 200 กม. ทั้งค่าไฟและค่าน้ำมัน จะมีค่าใช้จ่ายความอยู่ที่ 176.5 บาท เท่ากับว่าใน 1 กม. (จาก 200 กม.) จะต้องเสียค่าใช้จ่ายราว 0.88 สตางค์ เท่านั้น !!!

Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive อเนกประสงค์ยอดประหยัดในดวงใจ

บทสรุป…พูดคุยมาถึงตรงนี้ แม้ว่า Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive จะไม่มีออพชั่น ของเล่นแพรวพราวอย่างใครเขา แต่สิ่งที่มีให้ กลับเป็นสิ่งที่คู่แข่งรุ่นอื่นๆ ทั้งรถในค่าย หรือแม้แต่รถต่างค่าย ก็ไม่สามารถให้ได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคุณสมบัติในเรื่องความประหยัด ที่ต้องยอมรับว่า Mercedes-Benz GLE350 de Exclusive กินขาดทุกสำนัก ซึ่งมันส่งผลโดยตรงต่อความสบายใจในการเดินทาง จะขับไปไหนต่อไหน ไม่ต้องมาพะวงกับค่าใช้จ่าย อย่างตอนที่ ทีมขับซ่า เอามาทดสอบ ขับกันทุกรูปแบบทั้ง On Road และ Off Road ระยะทางรวมแตะๆ 700 กม. แต่คุณพระ…เกจ์น้ำมันยังลดไปไม่ต่ำกว่าครึ่งถัง มันช่างประหยัดอย่างที่ไม่มีใครเลียนแบบได้จริงๆ !!!


Related posts

Lexus ประเทศไทย เปิดตัว NX รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 พร้อมเพิ่มรุ่นย่อย 450h+ Overtrail

Tein ประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังทำตลาดมากว่า 10 ปี พร้อมทุ่มงบตั้งโรงงานผลิตในไทย

Mini Aceman ครอสโอเวอร์ EV น้องใหม่ รุ่นล่าสุด อยากสนุกก็ได้ อยากใช้งานก็พอดีมือ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา เรียนรู้เพิ่มเติม