หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทางค่าย BMW ประกาศว่ากำลังอยู่ในระหว่างการผลิตเซลเชื้อเพลิงเพื่อใช้กับ BMW iX5 Hydrogen ยืนยันถึงการพัฒนารถในรูปแบบ Hydrogen Fuel Cell ที่ยังไม่ถึงจุดจบ ล่าสุดทางค่ายก็ได้ออกมาเผยข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถ EV รูปแบบใหม่ ที่อ้างว่าสามารถให้ระยะการเดินทางได้ไกล ชาร์จได้เร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งมีโอกาสทำให้ต้นทุนและการเข้าถึงรถ EV นั้น ทำได้ง่ายมากขึ้นด้วย
แบตเตอรี่สำหรับรถ EV ของค่าย BMW ในเจนเนอเรชั่นที่ 6 ดังกล่าว มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะไปโดยสิ้นเชิง ปกติเรามักจะคุ้นเคยกับแบตเตอรี่ในดีไซน์สี่เหลี่ยม แต่สำหรับแบตเตอรี่ดีไซน์ล่าสุดสำหรับรถ EV ของค่าย BMW จะมาในรูปทรงกระบอก ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางของแต่ละเซลอยู่ที่ 46 มม. และมีความสูงให้เลือกใช้ต่างกัน 2 ขนาด (ตามรูปแบบพื้นที่ในการจัดวาง) โดยทาง BMW อ้างว่า ด้วยแบตเตอรี่ในรูปทรงนี้ จะช่วยเพิ่มระยะการเดินทางได้มากขึ้นอีก 30% (เมื่อชาร์จด้วยไฟ DC จาก 10-80%) และช่วยลดเวลาในการชาร์จได้ 30% นั่นจึงช่วยให้การใช้งานของรถ EV ยุคใหม่ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แบตเตอรี่สำหรับรถ EV ดีไซน์ล่าสุดจาก BMW นั้น ทางค่ายแพลนเอาไว้ว่า จะเริ่มมีการนำมาใช้ในปี 2025 ร่วมกับรถที่พัฒนาบนแพลตฟอร์มล่าสุดในชื่อ Neue Klasse (New Class) ซึ่งมีการคาดหมายกันว่า นี่อาจจะเป็น BMW Sesies 3 ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ในเจนเนอเรชั่นต่อไป นอกจากเรื่องของรูปทรงที่เปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่ทำให้ EV แบตเตอรี่แบบล่าสุดจาก BMW มีประสิทธิภาพมากขึ้น คงหนีไม่พ้นการปรับคุณสมบัติทางเคมี โดยออกแบบให้มีการใช้นิคเกิ้ลมากขึ้น พร้อมกับลดโคบอลท์ ทางฝั่งแคโทด ส่วนในฝั่งแอโนดที่ใช้ซิลิกอนเป็นส่วนประกอบ ก็มีการเพิ่มอัตราส่วนให้มากขึ้นเช่นเดียวกัน หรือหากจะพุดให้เข้าใจง่ายๆ คือ ด้วยส่วนผสมรูปแบบนี้ จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานได้อีก 20% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ของรถ EV ในยุคปัจจุบัน
เมื่อนำแบตเตอรี่สำหรับรถ EV แบบล่าสุดของค่าย BMW มาเทียบกับแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง รองรับแรงเคลื่อนไฟในระดับ 800 โวลต์ เช่นเดียวกับแบตเตอรี่ของ Porsche หรือ Hyundai แบตเตอรี่จากค่าย BMW นี้ จะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงถึง 50% (เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่เจนเนอเรชั่นที่ 5 ที่ใช้อยู่ในปัจจุัน) ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางค่าย BMW ได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่า จะหาทางพัฒนาเพื่อลดต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ให้ต่ำลงอีก 30% เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์ EV ชั้นนำในตลาดอย่าง Tesla ได้อย่างสูสี เช่น BMW i4 vs. Tesla Model 3
หัวใจสำคัญนอกจากการผลิตแบตเตอรี่ที่มีราคาถูกลงแล้ว ในกระบวนการผลิต จะต้องลดการปล่อยมลพิษได้อีก 60% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถ EV ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่ามีความเป็นไปได้ เพราะเซลล์ใหม่ที่ผลิตขึ้นมานั้น ถูกสร้างขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียน โดยโคบอลท์ นิคเกิล รวมถึงซิลิกอน ภายในเซลล์แบตเตอรี่ มีการนำวัตถุดิบที่อยู่ในวงจรอยู่แล้วมาใช้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อลดการขุดขึ้นมาใหม่ (ใช้แร่ธาตุที่เหลือจากเหมือง ที่ผ่านการรับรองกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน) ซึ่งการพัฒนาแบตเตอรี่ในรูปแบบใหม่ของ BMW ยังมีความเกี่ยวเนื่องที่ใช้ต่อยอดสำหรับการพัฒนาแบตเตอรี่ในรูปแบบ Solid State ที่เชื่อว่าจะได้เกิดในช่วงทศวรรศต่อไป โดยในปัจจุบัน BMW ทุ่มทุนมหาศาลเพื่อตั้งโรงงานพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถ EV ถึง 6 แห่ง ทั่วโลก ซึ่ง 4 แห่ง อยู่ในจีนและยุโรป (กำลังการผลิตรวม 20 GWh ต่อปี) ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง CATL และ EVE Energy ส่วนอีก 2 แห่ง จะเป็นการตั้งโรงงานในอเมริกาเหนือ