จากภาพที่เห็นภายในงาน Motor Show 2024 หรือแม้แต่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสหกรรมยานยนต์ (โดยเฉพาะในรูปแบบ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน) ในประเทศไทย ต้องยอมรับว่า รถยนต์จากประเทศจีน ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความต้องการรถยนต์ในประเทศไทย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ในระดับราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย จ่ายน้อย…แต่ได้เยอะ อีกทั้งยังมีการแข่งขันในสงครามราคากันอย่างดุเดือด ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ ส่งให้ผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ใหม่สำหรับใช้งาน ได้ประโยชน์จากการแข่งขันของรถยนต์จากประเทศจีน (รวมถึงญี่ปุ่น…ที่ต้องปรับตัวเพื่อแข่งขัน) ไปแบบเต็มๆ
ไม่ใช่เฉพาะในบ้านเรา แต่รถยนต์จากประเทศจีน โดยเฉพาะ รถในกลุ่มพลังงานไฟฟ้าล้วน หรือ รถ EV นั้น ยังถือว่าสร้างแรงกระเพื่อมในยุโรปได้ไม่แพ้กัน โดยจากสถิติในปีที่ผ่านมาพบว่า 1 ใน 5 ของรถ EV ที่ขายในยุโรป เป็นรถ EV ที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศจีน ตัวเลข 20% ดังกล่าว อาจดูไม่เยอะ แต่หากลองมองย้อนกลับไฟเทียบยอดขายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า รถ EV จากประเทศจีน มียอดขายสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 มากถึง 45% และเมื่อเทียบรวมในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ จะพบว่า ยอดขายในปี 2024 มากกว่ายอดขายรวมในปี 2023 มากถึง 43% เลยทีเดียว
รถ EV ที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศจีนมีส่วนแบ่งในยุโรปมากถึง 45% ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ในทางกลับกัน รถ EV จากฝั่งยุโรปเอง กลับมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเพียง 10% เท่านั้น โดยรถยนต์แบรนด์จากประเทศเยอรมนีและสเปน ซึ่งปกติเป็นแบรนด์ผู้ผลิตอันดับที่ 2 และ 3 ในยุโรป มีตัวเลขการเติบโตจากแบรนด์ของแต่ละประเทศในช่วงเวลางเดียวกันเพียง 6% อีกทั้งยังเป็นตัวเลขการเติิบโตที่มากกว่ารถที่ผลิตจากประเทศอิตาลี, เกาหลี รวมถึงสหราชอาณาจักร แบบแทบจะไม่มีที่ให้ยืนในยุคนี้
สาเหตุสำคัญที่ทำให้รถ EV จากประเทศจีน มีอัตราการเติบโตสูงมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นักวิเคราะห์ของ Jato Dynamics ซึ่งเป็นเว็บไซท์ที่รวบรวมสถิติขั้นนำของโลก มองว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น แบรนด์จากประเทศจีน (รวมถึงแบรนด์อื่นๆ ที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศจีน) กำลังอยู่ในช่วงเร่งการทำตลาด ก่อนที่ (อาจ) จะมีการเปลี่ยนเงื่อนไขการนำเข้ารถ EV จากประเทศจีน เพื่อจำหน่ายในยุโรป ซึ่งเมื่ออัตราภาษีสูงขึ้น สวนทางกับเงื่อนไขการสนับสนุนที่ลดลง อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ต้องเร่งทำตลาด ในช่วงเวลาที่ยังสามารถทำได้อย่างเต็มที่
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ 44% ของแบรนด์รถที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศจีนทั้งหมด เป็นแบรนด์ที่ถูกจดทะเบียนการค้าในประเทศฝั่งตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น Tesla, Volvo รวมถึง Dacia นอกจากนี้ อีก 40% ที่เหลือ เป็นรถที่มีความเกี่ยวข้องกับความเป็นแบรนด์ในยุโรป เช่น MG ที่แม้จะเปลี่ยนมือไปเป็นรถที่ถือครองโดย SAIC Motor แล้ว แต่คนในยุโรป ยังมีความคุ้นเคยกับรถแบรนด์นี้อยู่มาก นั่นส่งผลให้ระดับความนิยมยังคงอยู่ (เช่นเดียวกับแบรนด์ Volvo และ Lotus ที่ถือครองโดย Geely Group) โดยเมื่อหักลบตัวเลขกันแล้ว มีเพียง 16% เท่านั้น ที่เป็นรถ EV สัญชาติจีนโดยแท้ เช่น BYD เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม…แม้ว่ารถยนต์ EV จากประเทศจีน จะได้รับความนิยมสูงในยุคปัจจุบัน แต่รถยนต์จากแบรนด์ฝั่งยุโรปเอง ก็ยังพอจะมีที่ยืนอยู่บ้าง ด้วยสายป่านและความแข็งแกร่งที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นจุดที่ขาดหายไปสำหรับรถยนต์แบรนด์จากประเทศจีน ดังนั้นการหวังที่จะ “กลืน” ตลาดในภูมิภาคอื่นๆ อาจไม่ใช่เรื่องง่าย และยังคงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย