Nürburgring สนามแข่งที่ได้ชื่อว่า โหด หิน ที่สุดในโลก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น Green Hell หรือ นรกสีเขียว ซึ่งด้วยความโหด ท้าทาย ของที่นี่เอง สำให้สนามแห่งนี้ได้การยอมรับจากคนในวงการความแรงทั่วโลก ที่นิยมนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาทำสถิติเวลาต่อรอบ เพื่อประกาศความเป็นเบอร์ 1 ให้กับแบรนด์ตัวเอง โดยในครั้งนี้เราจะมาอัพเดทกันว่า สถิติล่าสุด นับจนถึงช่วงครึ่งปี 2023 ใครเป็นเบอร์ต้นๆ สำหรับการทำเวลาต่อรอบใน Nürburgring ของรถในรูปแบบใดกันบ้าง ?
Nürburgring สนามแข่งที่ได้ชื่อว่า โหด หิน ท้าทาย และเสี่ยงตายที่สุดในโลก
ปรับเลย์เอาสนาม เพื่อการทดเวลากันแบบเต็มรอบ !
ในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา เวลาต่อรอบสำหรับการวิ่งใน The Ring ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาด ที่แทบจะไม่ต่างกับการเคลมตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. หรือความเร็วสูงสุดที่ทำได้ สำหรับเส้นทางที่ใช้อ้างอิงในการทำสถิติ คือ เวลาทางต่อรอบในเส้นทาง Nürburgring Nordschleife ซึ่งมีระยะทางทั้งสิ้น 20.832 กม. โดยใน 1 รอบ จะต้องผ่านโค้งมากถึง 154 โค้ง โดยหลายคนออาจจะยังสงสัยว่า ทำไมสำหรับรถบางคัน ถึงมีการแสดงสถิติเวลาเป็น 2 ตัวเลข ตรงนี้อธิบายได้ง่ายๆ คือ แทร็ก Nürburgring Nordschleife มีการเส้นทางที่ปรับใหม่เล็กน้อย (เพื่อให้การวิ่งทดสอบนั้นครบ 1 รอบเต็ม) โดยก่อนหน้านั้น จะยะทางต่อรอบจะอยู่ที่ 20.6 กม. แต่หลังจากปี 2019 เป็นต้นมา ระยะทางการวิ่ง ถูกขยับเพิ่มมาเป็น 20.8 กม. ดังนั้น…รถที่ทดสอบก่อนปี 2019 สถิติเวลา จะยังคงอ้างอิงกับตัวเลขเดิม ซึ่งมีระยะทางสั้นกว่า ส่วนรถที่ทำการทดสอบหลังจากนั้น จะเป็นเวลากับระยะทางใหม่ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้อ้างอิงได้ในปัจจุบัน (บางคัน…ทดสอบในช่วงคาบเกี่ยว ทำให้มีการเก็บสถิติในทั้ง 2 ระยะทาง เช่น Mercedes-AMG GT-R Black Series)
ไม่ต้องบอกก็รู้…AMG One ที่สุดแห่งโปรดักชั่น
สำหรับการรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ จะนับล่าสุดที่การวิ่งทำสถิติของ Tesla Model S Plaid Track Package ที่ทำเอาไว้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติของรถ EV Sedan ในระดับโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่หากนักรถโปรดักชั่น (รถที่มีขายจริงสำหรับบุคคลทั่วไป) ในทุกรูปแบบ รถที่ครองความเป็นเบอร์ 1 ใน Nürburgring Nordschleife ตกเป็นของไฮเปอร์คาร์ Mercedes-AMG One ที่ทำเวลาต่อรอบเอาไว้ที่ 6:35.18 นาที เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 (เป็นอันดับที่ 5 หากนับรวมรถทั้งหมด ที่ไม่ใช่รถที่เป็นโปรดักชั่นด้วย โดยรถที่ได้อันดับที่ 1 คือ ตัวแข่ง Porsche 919 Evo Le Mans ด้วยเวลา 5:19.55 นาที) โดยเอาชนะ Porsche 911 GT2 RS Manthey Performance ไปกว่า 8 วินาที ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของ Mercedes-AMG GT-R Black Series ที่หวดเวลาต่อรอบใน Nürburgring Nordschleife ไว้ที่ 6:48.05 นาที
10 อันดับ เวลาต่อรอบของรถในระดับโปรดักชั่น
ไอ้เสือ Jaguar XE ซีดานที่เร็วที่สุดใน Green Hell
รถในกลุ่มซีดาน ตำแหน่งจ้าวแห่ง Nürburgring Nordschleife ตกเป็นของไอ้เสือแห่งเมืองผู้ดี Jaguar XE SV Project 8 ตัวแรงขุมพลัง V8 Supercharge เจ้าของพลังในระดับ 600 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยทำเวลาเอาไว้ที่ 7:23.16 นาที ส่วนอันดับสองเป็นของเจ้าของสถิติล่าสุด Tesla Model S Plaid Track Package ที่ทำเอาไว้ในระดับ 7:25.23 นาที ตามมาด้วยอันดับที่ 3 พ่อบ้านพลังแรง Mercedes-AMG GT 63 S 4Matic+ ที่กดเวลาเอาไว้ในระดับ 7:27.80 นาที
5 อันดับ เวลาต่อรอบของรถ Sedan
Crossover & SUV กับเวลาที่ดีในระดับ 7.38 นาที !
ไม่เพียงแต่รถในกลุ่มสปอร์ตและซีดานเท่านั้น แต่ Nürburgring ยังเป็นเสมือนแหล่งรวมตัวแรงในทุกรูปแบบ ซึ่งไม่เว้นแต่รถในรูปแบบครอสโอเวอรื หรือแม้แต่ SUV ที่บรรดาแบรนด์ไฮเอนด์มักจะนำรถมาวิ่งทดสอบจับเวลาว่าไม่ได้มีดีแค่เน้นใช้งานเท่านั้น โดยรถในกลุ่มนี้ที่ทำเวลามาเป็นอันดับที่ 1 ในระยะทางต่อรอบ 20.8 กม. คือ Porsche Cayenne Turbo GT ซึ่งทำเอาไว้ที่ 7:38.93 นาที เมื่อปี 2021 ทิ้งห่างอันดับที่ 2 ที่เป็นคู่แฝดต่างแบรนด์ Audi RS Q8 อยู่ราว 3.3 วินาที ส่วนอันดับที่ 3 ของรถในคลาสนี้ เป็นพี่ใหญ่ในตระกูล “เต่านินจา” หรือ Mercedes-AMG GLC 63 S 4Matic+ ซึ่งทำเวลาเอาไว้ที่ 7:54.40 นาที
5 อันดับ เวลาต่อรอบของรถ Crossover & SUV
Civic Type R เจนฯ 6 FF King of The Ring
ในปี 2018 Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 5 สร้างสถิติเวลาต่อรอบสำหรับการวิ่งใน Nürburgring Nordschleife ของรถที่ขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อหน้า เอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเวลาที่ทำได้ ณ ขณะนั้น คือ 7:43.80 นาที (สำหรับระยะทาง 20.6 กม.) ก่อนที่ในอีก 1 ปีให้หลัง สถิติดังกล่าวจะถูกโค่นโดย Renault Megane RS Trophy-R ซึ่งเร็วกว่าประมาณ 3.7 วินาที เมื่อเทียบกับระยะทางเดียวกัน แต่ Honda นั้นไม่ยอมง่ายๆ หลังจากที่ปล่อยเจนเนอเรั่นที่ 6 ออกมา แบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น นำ Honda Civic Type R รุ่นล่าสุดกลับมาทำสถิติอีกครั้ง ด้วยพื้นฐานการออกแบบตัวรถที่ดีมากขึ้น ช่วยให้สามารถลดช่องว่างในการทำเวลาลงมาเหลือเพียง 7:44.88 นาที (ระยะ 20.8 กม.) ซึ่งดีกว่าเจ้าของสถิติเดิมอยู่ 0.51 วินาที
5 อันดับ เวลาต่อรอบของรถขับเคลื่อนล้อหน้า
รถไฟฟ้า ต้องยกให้ Tesla กับความแรงที่ปรับให้ปล่อยกำลังได้ละเอียดมากขึ้น
หากไม่นับรถที่อยู่ในกลุ่มรถแข่ง (ที่ไม่ใช่รถในรูปแบบโปรดักชั่นคาร์) ต้องยอมรับว่า Tesla ถือเป็นรถที่มาแรงในกลุ่มนี้ โดยรถที่ทำเวลาต่อรอบได้ดีที่สุด แน่นอนว่าหลายท่านคงรู้อยู่แล้วว่าเป็น Tesla Model S Plaid Track Package กับตัวเลขล่าสุดที่ 7:25.23 นาที โดยทำเวลาเหนือกว่าเวอร์ชั่นปกติ ที่ถูกเบียดลงไปอยู่ในอันดับที่ 3 อยู่กว่า 10 วินาที ทั้งนี้ทั้งนั้น มาจากเหตุผลเรื่องเซ็ตติ้งที่มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของล้อ ยาง ชุดเบรก รวมถึงการเซ็ตลักษณะการตอบสนองของพละกำลังให้เหมาะสมกับรูปแบบของเส้นทาง เพื่อให้การเดินคันเร่งแต่ละครั้งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งด้วยเหตุผลข้อนี้เอง ส่งให้ Tesla Model S Plaid Track Package ทำเวลาได้เหนือกว่าอันดับที่ 2 อย่าง Porsche Taycan Turbo S ถึง 8 วินาที และเป็นรถ EV Sedan ที่เร็วที่สุดใน Nurburgring ณ ปัจจุบัน
6 อันดับ เวลาต่อรอบของรถ EV
