Home » “เหลียวความหลัง” ALFA ROMEO Giulia105 Coupe ตำนาน “GTA”

“เหลียวความหลัง” ALFA ROMEO Giulia105 Coupe ตำนาน “GTA”

by Admin clubza.tv

   “ปล้อนนั้นโตมาในบ้านของ อาเดียว ภูษิต โลกานุเคราะห์”  นอกจากจะส่งเสียให้ปล้อนบวชเรียนแล้ว อาเดียวก็ได้ถ่ายทอดวิชาการทำอาหารไทย ขนมโบราณมากมายให้กับเขา โดยเฉพาะ “ขนมไข่เหี้ย ที่แถวบ้านเรียกให้สุภาพว่าขนมฉัตรมงคล 

Cr ภาพ www.alfaholics.com

Cr ภาพ www.alfaholics.com

  อาเดียวคือ  “Alfissmo” แห่งจังหวัดแพร่ ?? 

   แดดร่มลมตก อาเดียวมักจะทำอาหารไปจิบแม่โขงไป เย็นวันนี้ก็เช่นกันเมื่อปล้อนหิ้วกะปิโหว่ไปเยี่ยมแกถึงบ้านเพื่อเก็บตัวช่วง COVID ระบาด และก็มีโอกาสได้คุยเรื่องรถในอดีต เพราะรู้ว่าช่วงหนุ่มๆแกผ่านรถดีๆ สมรรถนะสูงมาเยอะ หนึ่งในนั้นคือ ALFA ROMEO GTA 

  อาเดียวร่ายยาวว่า นักเลง Alfa ตัวจริงนั้น ถ้าพูดถึงคำว่า “GTA”  เขาจะมองข้ามรุ่นใหม่ๆที่ห้อยคำว่า  GTA ไปเลย เพราะไม่เห็นได้ฝากผลงานความสำเร็จในการแข่งขันระดับโลกแต่อย่างใด เทียบกับ “โคตรพ่อ” ของมัน ซึ่งคือ Giulia Coupe GTA” อันลือลั่น ที่มีอยู่ 3 รุ่นด้วยกันคือ  “GTA-Junior”, “GTA” เฉยๆ  และ “GTAm”   เป็นซับสปีชี่ของตระกูล “Giulia”  (ซึ่งมีทั้ง 4 ประตูซีดาน และ 2 ประตู Coupe)    GTA ทั้งหลายรวมทั้ง “GT 1600”, “GT 1750”, “GTC”(เปิดประทุน) และ GT Veloce  2000 นั้นเป็นแบบ 2 ประตูออกแบบโดย  “Giorgio  Giugiaro”  ตอนเพิ่งเริ่มโด่งดัง  ตอนนั้นเป็นดาวรุ่งประจำอยู่สำนัก Bertone อิตาลี

   อาเดียวจิ้มแกงไตปลาแห้งของปล้อนเข้าปาก สำลักพรวดเพราะเผ็ด ขณะที่ปล้อนเติมเหล้าบริการ เอาใจให้แกเล่าเรื่อง ALFA GTA ต่อ อาเดียวย้อนภาพไปปลายยุค 60’s ต้นยุค 70’s ว่าช่วงนั้น GTA คว้าชัยชนะมากมาย ที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์รถแข่งคือครองตำแหน่งชนะเลิศประเภทยูโรเปี้ยน ทัวริ่งคาร์ ต่อเนื่องจากปี 1966, 1967, 1969, 1970, 1971 และ 1972 เว้นเพียง 1968 ปีเดียว  แกบอกว่า GTA ยุคต่อมาไม่ว่าจะเป็น 147 GTA, 156 GTA, MiTo GTA จนถึง Giulia GTA ยุคนี้ไม่มีทางทำได้ !!

Cr ภาพ www.alfaholics.com

ชายเดียวจอมทระนง กับ “Giulia” 105 

   ALFA คันแรกของอาเดียว คือตัว Giulia (ยุคแรก) 2 ประตูคูเป้  เป็นการพัฒนาต่อจากตัว Giulietta (ยุคโน้น ที่ออกมาขายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง) ตัวเริ่มแรกของ Giulia ออกมาเป็น 4 ประตูซีดาน 1,600 ซีซี. ทวินแค็มทวินคาร์บในปี 1962 สมัยนั้นเครื่องตัวนี้ถือว่าล้ำหน้ามาก เพราะเป็นอลูมิเนียมทั้งฝาและบล็อค ครอสโฟลว์  หัวเทียนอยู่กึ่งกลางห้องเผาไหม้ทรงโดม ใช้วาล์วตัวใหญ่จนแทบจะขยายอะไรไม่ได้   ได้มาเบาะๆ 108 แรงม้า DIN ดิสค์เบรค 4 ล้อ เกียร์ 5 สปีด ช่วงล่างหน้าแบบปีกนกสองชั้น   ส่วนข้างหลังเป็นคานแข็งและเทรลลิ่งอาร์ม   ซึ่งตรงนี้ใช้ระบบเดียวกับ Giulietta แต่พัฒนาให้ดีขึ้น

*** Alfa ใช้จุดขายเรื่องสมรรถนะของรถ เจาะตลาด Middle-class Sport Car ได้เป็นอย่างดีในพิกัด 1,600 ซีซี.   ต่อมา 4 ปีให้หลังเยอรมันจึงได้ออก BMW  1602  มา แต่ในแง่เทคโนโลยีแล้วยังไม่ถือว่าเทียบได้กับ Alfa Giulia *** 

Cr ภาพ www.alfaholics.com

   หนึ่งปีถัดมา Giulia Coupe จึงได้ออกตัว 2 ประตู แชร์แพลทฟอร์มเดิม ที่ Giorgio  Giugiaro ปล่อยออกมาเต็มฝีมือ เป็นที่ซี้ดซ้าดมากทั่วโลก  ทุกวันนี้เจอสภาพดีๆ ก็เรียกว่ายังสวยหยด ต้องจอดรถเข้าไปเทียบเคียงเผื่ออยากจะขาย มันเป็นที่ยอมรับในบรรดานักเลงทั่วโลก  ผลิตต่อเนื่องมาจนถึงปี 1975 ซึ่งในช่วงสิบกว่าปีนี้ก็มีโมเดลแตกย่อยเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่มาตลอด ซึ่งนักเลง ALFA ต่างทราบดี  ภายนอกเครื่องก็เช่น เปลี่ยนฝาครอบวาล์ว  เปลี่ยน Font/Type ชื่อบนฝาวาล์ว ไล่ขนาดจาก1300, 1600, 1750 จนถึง 2,000  กำลังอัดมีทั้ง 9:1, 9.5:1 จนถึง 10:1 คาร์บูเรเตอร์มีทั้ง Weber และ Dellorto  ซึ่งใช้เบอร์ 40 รุ่น DCOE และ DHLA ต่างกันที่ Jet ภายใน จนถึงหัวฉีด องศาแค็มชาฟท์และลิฟท์วาล์วก็ต่างกันไป  หัวเทียนที่ใช้ก็ต่างกันไป บางรุ่นแนะให้ใช้ Lodge ทั้ง Gold และ Silver บางรุ่นแนะให้ใช้ Champion หรือ Bosch ได้ เอาเป็นว่ามีเยอะแยะไปหมดและปรับปรุงมาตลอดสิบกว่าปีก็แล้วกัน 

Cr ภาพ www.topgera.uk.co

 

ยุคนั้นหาใครเทียบ 

 อาเดียวตักพริกในกับแกล้มแกล้งปล้อน แล้วเต่อว่า Giulia Coupe ที่ออกมารุ่นแรกนั้นไม่ใช่ตัว 1,300 อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็น 1,600 ซีซี. ต่อมาในปี 1966 หลังจากที่ปรับแต่งให้แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 115 แรงม้า DIN ก็ได้เปลี่ยนชื่อเล็กน้อยเป็น 1600 Sprint GT Veloce (Veloce แปลว่าเร็ว) จากนั้น “ได้ใจ”  ขยายเป็น 1,750 (จริงๆ แล้วสุทธิ 1,779 ซีซี.)ในปี 1968   กลายเป็น 1750 GT Veloce กับ 122 แรงม้า DIN และหดเป็น1,300 ซีซี. กลายเป็น GT Junior วางตลาดในปีนี้เอง เครื่องตระกูลนี้ยืดช่วงชักเป็น 88 มม. กลายเป็นอันเดอร์สแควร์ แบบ 84×88 สุทธิออกมา 1,962 ซีซี. อยู่ในพิกัด 2,000 ภายใต้ชื่อ 2000 GT Veloce ซึ่งมีตั้งแต่ 130-150 แรงม้า DIN แล้วแต่ว่าอยู่ประเทศแถบไหนได้สเป็คแบบไหนโชคดีได้ตัวหัวฉีดไปใช้    ตัว 2000 นี้เองที่อย่าได้ไปแหยมกับมัน จะบี้แซงมันได้ก็ต้องมี 3000 ซีซี. ขึ้นไป 

Cr ภาพ www.pinterest.com

“GTA” มาได้ไง ??

   ช่วง1966 นั่นเองที่ ALFA  คันไม้คันมือ  อีกทั้งเห็นว่าตัวเองได้เปรียบคู่แข่งเรื่องแบบของเครื่องยนต์อยู่หลายขุม เพราะช่วงนั้นคู่แข่งยังคงใช้เครื่องแบบ OHV , OHC เช่น FORD Cortina, BMW ตระกูล 02  ทาง AJFA จึง ทำล้ำกับ ตัวแข่งพิเศษเพื่อร่วมแข่งทัวริ่งคาร์นานาชาติ ที่กำหนดว่าทางโรงงานต้องผลิตรถเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ไม่ใช่ว่าทำมาเพียง 20-30 คันแล้วจะเอามาเข้าแข่ง   Alfa จึงต้อง “ทำมือ” กับบางรุ่นของ Giulia Coupe โดยจับเอาตัว 1,600 มารื้อตัวถังตรงส่วนฝากระโปรงหน้า-หลังกับบังโคลนขอบล้อ แล้วเคาะอลูมิเนียมใส่เข้าไปเพื่อลดน้ำหนัก นำเครื่องมาโมฝาใหม่กลายเป็นทวินสปาร์คและปรับแต่งท้วมๆ  จาก 115 เลยกลายมาเป็น 170 แรงม้า DIN ในบัดดล เปลี่ยนอัตราทดเกียร์ให้ชิดขึ้น กลายเป็น GTA (A คือ Alleggerita แปลว่า ‘เบา’ ในภาษาอิตาลี)

cR ภาพ www.pinterest.com

GTAm กับ 200 DIN !! 

      แม่โขงหมดกลมไปอย่างรวดเร็ว (80% ที่หายไปนั้นไปอยู่ในท้องปล้อน) สมุนไพรภูมิปัญญาไทยถูกจุด สูบ เป่าไล่ยุง ยิ้มไปตามๆกันทั้งอาและหลาน เรื่องราวต่อไปกล่าวถึงตัว GTAm, GTC ที่ทำขึ้นมาเจาะตลาดนักเล่นรถแข่งในอเมริกาโดยเฉพาะ (Am เป็นคำย่อของ America) ส่งเข้าไปขายครั้งแรกปี 1970 (แต่ตัวถังเป็นเหล็กเหมือน Giulia  Coupe ทั่วไปเพราะกฎหมายความปลอดภัยเขาคุมตรงนี้)  ล็อตแรกๆ วางเครื่อง 1,750 ก่อนแต่ก็แต่งกันเกือบสุด  ซึ่งพวกไอ้กันยังรู้สึกว่ามันเบาตีนไป ขับไม่มันส์ ล็อตต่อมาจึงระเบิดไปเป็นเครื่อง 2,000 หัวฉีด ได้มากว่า 200 DIN จากโรงงานอิตาลี (เครื่องตัวนี้ความจุสุทธิ 1,985 ไม่ใช่ 1,962 เหมือนที่ขายทั่วโลก)

  ALFA ROMEO ยังมีน้องเล็ก 1300 GT Junior ออกมาขายในบางตลาด เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น บ้านเราและบางประเทศ ถูกผลิตออกมาหลังตัว 1600 เห็นเล็กๆแค่นี้ แต่ก็การเอาไปทำเป็น GTA กับเขา  รีดออกมา 97 PS ที่ 6000 rpm แรงม้า จากขนาดสุทธิแค่ 1,290 ซีซี. ขับมัน  รอบจัด  เพราะเป็นโอเว่อร์สแควร์  สูบโตชักสั้นปั่นจี๋ๆ   ต่อมาเมื่อรู้สึกว่าแค่ 8 วาล์วมันอั้นๆ  ในต้นยุค 70’s จึงใส่ฝา 16 วาล์ว ทวินสปาร์ค หัวฉีดเข้าไป โดยสำนักแต่ง Autodelta เพิ่มกำลังอัดเป็น 11.0 : 1 ได้มา 180 PS ที่ 9300 rpm ลดน้ำหนักลงเหลือแค่ 760 กก. ต้นไม่รู้ แต่ปลายไปสุดประมาณ 210 กม./ชม. เพราะเกียร์ไป หมดแค่นั้น !!    

  ลองมาไล่ดูว่า ALFA ROMEO รหัสตัวถัง 105 มีรุ่นใดสร้างชื่อไว้บ้าง 

Giulia Sprint GT , GT Veloce  1,570 cc. FIA ทัวริ่งคาร์กรุ๊ป 1 ช่วง1963-1967      
Giulia Sprint GTA   1,570 cc. FIA ทัวริ่งคาร์กลุ่ม 2 ช่วง 1966-1969 (และเป็นกรุ๊ป 4 นับจากปี 1970 รุ่น  SCCA  B ซีดาน, Trans Am Under 2.0 ลิตร)
GT 1300 Junior    1,290 cc. FIA ทัวริ่งคาร์ กรุ๊ป 1 ช่วง 1967-1975 
Giulia Sprint GTA 1300 Junior   1,270 cc.   FIA ทัวริ่งคาร์ กรุ๊ป 2 ช่วง 1968-1975       
1750 GT Veloce   1,779 cc.    FIA ทัวริ่งคาร์ กรุ๊ป 2 SCCA B ซีดาน, Trans Am Under 2.5 ลิตร ช่วง 1968-1971        
2000 GT Veloce   1,962 cc.  FIA ทัวริ่งคาร์ กรุ๊ป 2  SCCA  B ซีดาน ช่วง 1971-1975         
GT American     1,985 cc.    FIA ทัวริ่งคาร์ กรุ๊ป 2 ช่วง 1970-1972         

     

Cr ภาพ www.vintagealfas.com

เกียรติยศแห่งชัยชนะ 

   เกียรติภูมิของ Alfa รุ่นเก่านั้น ฝังใจคนยุคอาเดียวมาก ที่ยุโรปมันได้อันดับหนึ่งถึง 6 ปีจาก 1966-1972 เว้น 1968 ปีเดียว  มีทั้งทีมโรงงานและนักแข่งอิสระ เล่นกันไม่ใช่เฉพาะยุโรปและอเมริกาแต่กระจายถึงเซาท์อัฟริกา  ออสเตรเลีย  เซาท์อเมริกา รวมทั้งแรลลี่  แข่งขึ้นเขาด้วย (คล้ายที่นครสวรรค์เมื่อ 50 ก่อนซึ่งมี ALFA ROMEO ลงกับเขาเหมือนกัน)

  ที่อเมริกา โดยเฉพาะ Trans American  Championship นั้น  ALFA ROMEO Giulia Coupe ไปได้ตำแหน่งชนะเลิศประเภทรถแข่งจากโรงงาน พิกัดต่ำกว่า 2,000 ซีซี. ถึง 2 ปี คือ 1966 และ 1970   ส่วนประเภทบุคคลนั้น ALFA ROMEO  ได้รับรางวัล SCCA ประเภทรถซีดานถึง 5 ปี คือ 1966, 1967, 1969, 1670 และ 1971     

   ในปีแรกครั้งแรกที่ลงแข่งในรัฐแมรี่แลนด์ที่ Marlboro Race way นั้นจัดว่าไม่เบาทีเดียว เพราะลักษณะสนามแข่งแบบวิ่งวนในกะละมังแบบไอ้กัน มันไม่ใช่สไตล์ปราดเปรียว เลี้ยวลด บดบี้ในสนามคดเคี้ยวอย่างยุโรปที่ ALFA  คุ้นเคย  คู่แข่งเป็นรถอเมริกันคันใหญ่ เครื่องโตนั้นมีทั้ง DODGE, FORD,CHEVROLET และ  PLYMOUTH ยกเว้นบางสนามที่มีรถพิกัดใกล้เคียงกันจากยุโรปมาร่วมแจมเช่น FORD Cortina , BMW และที่สำคัญ PORSCHE 911 (ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจัดให้มาเป็นซีดานได้ยังไง)

 การมี PORSCHE 911 เข้ามาร่วมแข่งในปี 1967 นี่เองทำให้ ALFA  กินตำแหน่งหัวแถวยากขึ้น เสียเปรียบที่ชั้นของรถและการออกแบบ  ส่งผลให้ชวดตำแหน่งแชมป์ในปีถัดมาไป ต่อมาได้เปลี่ยนกฎให้ PORSCHE 911 ไปอยู่อีกประเภทหนึ่ง ALAFA จึงกลับมาครองแชมป์อีกครั้งจนถึงปี 1971 ซึ่งก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับรถเครื่อง 2,000 ซีซี. ที่ต้องปีนชั้นขึ้นไปเบียดกับคู่แข่งที่เครื่องใหญ่กว่ากันเหลายๆ เท่าตัว

Cr ภาพ www.alfaholics.com

จุดเด่นของ ALFA ROMEO  105 

  •     เครื่องทวินแค็มทวินคาร์บตัวนี้ถือว่ามีแรงม้าต่อซีซี.สูงมากในยุคนั้น จัดว่าเป็นบล็อคที่ “คลาสสิค” มาจนทุกวันนี้
  •   อัตราเร่งดีมาก   แรงบิดที่สูงที่รอบต่ำมาก ช่วย “ดึง”  วืดตามคันเร่งตั้งแต่รอบต่ำ

 

จุดด้อยของ ALFA ROMEO 105

  • อันเดอร์สเตียร์เวลาเข้าโค้งแคบๆ
  • กันสะเทือนหลังเป็นเพลาแข็งแทนที่จะอิสระ

   

จำใจขาย ทั้งน้ำตา ….  

ที่บ้านอาเดียว เคยมีทั้ง Guilia 4 ประตู , 2 ประตู Coupe ที่อาเดียวรัก หวงสุด คือตัว 2000 GT Veloce แท้ๆ มือแรกจากโรงงาน อาเดียวซื้อมาตอนปี 2518 ในราคา  330,000 บาท มันถูกขายไปตอน ส่งปล้อนหวังให้เข้าเตรียมทหาร แต่งเขียว แม้ตอนหลังปล้อนจะเข้าได้แค่ เตรียมนายเลิศเป็นพนักงานเก็บตังค์รถเมล์สาย 8 แต่งขาวทั้งชุดยุคนั้น

ย่างไรก็ตาม ปล้อนยังคงเป็นหลานรักของอาเดียวจนทุกวันนี้ แม้เขาจะได้หิ้วกระบอกแทนกระบี่ก็ตาม ….  

 


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy