เป็นที่ทราบกันดีว่า ซีดานไฟฟ้ายอดนิยมอย่าง Tesla Model 3 อยู่ในช่วงระหว่างการเตรียมที่จะปรับโฉม หลังจากที่เปิดตัวมาตั้งแต่ในปี 2017 และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มาจนถึงทุกวันนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเค้าความเป็นจริงมากขึ้นเรื่องๆ ตั้งแต่มีการประกาศปรับลดราคาของ Tesla Model 3 ทั้วโลก พร้อมทั้งประกาศชลอสายการผลิตในประเทศจีน เพื่อพัฒนาไลน์การผลิต ให้พร้อมรองรับการปรับโฉมที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่า Tesla Model 3 โฉมไมเนอร์เชนจ์ จะทำตลาดในฐานะ Model Year 2024
Tesla Model 3 MY 24 มีแพลนขึ้นไลนืการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
ความเคลื่อนไหวของการอัพเกรด Tesla Model 3 หรือ Tesla Model 3 MY 24 มาในชื่อโคงการว่า Project Highland ซึ่งจากรายละเอียดที่มีการเปิดเผยออกมาโดย Not A Tesla App ถือว่ามีรายละเอียดหลายๆ จุดที่น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่ในส่วนหน้ารถ มีการปรับดีไซน์ของชุดไฟหน้า ซึ่งแม้จะถูกปกคลุมด้วย Camo Flag แต่จากดีไซน์และลักษณะลำแสงที่เห็น พอจะจินตนาการได้ว่ามีรูปทรงที่ต่างไปจากเดิม โดยคาดว่าจะมาพร้อมระบบส่องสว่างแบบ LED Matrix ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่าเดิม และแน่นอนว่า ด้วยดีไซน์ของชุดไฟหน้าที่เปลี่ยนไป ทำให้ต้องมีการปรับรุปทรงของกันชนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว กล้องหน้ารถของ Tesla Model 3 MY 24 ยังจะได้รับการอัพเกรดให้มีความละเอียดที่สูงขึ้น โดยจะติดตั้งอยู่กึ่งกลางของช่องรับลมในด้านล่าง อันเป็นตำแหน่งเดียวกับที่ติดตั้งใน Tesla Cyber Truck
นอกจากในส่วนของกันชนหน้าแล้ว ดีไซน์ในด้านหลังของ Tesla Model 3 MY 24 ก็จะมีการปรับรายละเอียดเช่นกัน โดยอาจจะมีการปรับตำแหน่งของชุดกล้องด้านหลัง แต่จะไม่มีการเพิ่มจำนวนของชุดกล้องด้านหลังเพิ่มเติม (อาจเพราะด้วยเหตุผลด้านต้นทุน) แต่สิ่งที่จะได้เพิ่มขึ้นมาก็คือ ชุดกล้องสำหรับประมวลผลในระบบฮาร์ดแวร์เวอร์ชั่น 4.0 ที่ถูกใช้ไปก่อนหน้ากับทั้ง Tesla Model S และ Model X โดยใน Project Highland จะมีการเพิ่มชุดกล้องเพิ่มอีก 3 ตัว (ที่ด้านหน้า และด้านข้างของตัวรถ) เพื่อการประมวลผลที่มีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น ในโป่งซุ้มล้อ จะติดตั้งกล้อง 2 ตัว ตัวแรกส่องไปที่ด้านหน้ารถ ส่วนอีกตัวส่องไปในทิศทางอื่น (ยังไม่ชัดเจนว่า จะวางตำแหน่งไปในทิศทางไหน แต่คาดว่าจะเป็นมุมด้านข้าง เพื่อให้เห็นมุมมองที่กว้างมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการประมวลผลในขณะที่เดินทางผ่านทางแยก ซึ่งกล้องที่ติดตั้งบริเวณเสา B อาจให้มุมมองที่ไม่กว้างหรือละเอียดพอ) ระบบประมวลผลใน Tesla Model 3 MY 24 คาดว่าจะใช้ฮาร์ดแวร์เวอร์ชั่น 4.0 ร่วมกับ Super Computer รุ่นล่าสุดที่ใช้ใน Tesla Model S และ Model X เช่นเดียวกับชุดกล้องรอบคัน ที่เพิ่มความละเอียดจากเดิม 1.2 ล้านพิกเซล เป็น 5 ล้านพิเซล พร้อมเลนส์ที่ผ่านกาารเคลือบเพื่อป้องกันการสะท้อน ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลระบบช่วยการขับขี่ทึ่เหนือกว่าเวอร์ชั่น 3.0 หลายช่วงตัว
ไฮไลท์หลักๆ อยู่ที่การปรับอุปกรณ์ รวมถึงกล้องรอบคันเป็นเวอร์ชั่น 4 ซึ่งมีความสามารถในการประมวลผลที่สูงกว่าเดิม
สำหรับสิ่งที่ถูกลดทอนไปเพื่อจำกัดต้นทุนใน Tesla Model 3 MY 24 คงหนีไม่พ้นเซ็นเซอร์อุณหภูมิ ซึ่งโดยปกติแล้ว จะมีการติดตั้งตัวเซ็นเซอรืวัดอุณหภูมิไว้ที่ด้านนอกของตัวรถ แต่สำหรับ Tesla Model 3 MY 24 จะใช้การระบุอุณหภูมิตามตำแหน่งของ GPS รวมถึงข้อมูลสภาพอากาศ ซึ่งทาง Tesla อ้างว่า จะให้ข้อมูลที่มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแรงลมหรือปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อาจทำให้เซ็นเซอรืที่ตัวรถ อ่านค่าอุณหภูมิผิดเพี้ยนได้ในบางครั้ง โดยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ Tesla กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโมดูล GPS เพื่อให้สามารถรับตำแหน่งได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น (เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ทาง Tesla ได้ยื่นจดสิทธิบัตรระบบ Global Navigation Satellite System หรือ GNSS ที่ช่วยในการระบุตำแหน่งของตัวรถ) ซึ่งแน่นอนว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งระบบที่ถูกนำมาใช้ใน Tesla Model 3 MY 24
ชิ้นส่วนลายไม้ของรุ่นปัจจุบัน อาจถูกเปลี่ยนเป็นผ้า เพื่อ “ลดต้นทุน” ภายใต้จุดขายเรื่อง “ความเรียบง่าย” ของ Tesla
การเปลี่ยนแปลงภายในห้องโดยสารของ Tesla Model 3 MY 24 อาจมีขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยสิ่งที่สังเกตได้ชัดเจน คือ การนำผ้ามาบุแทนที่วัสดุลายไม้ ซึ่งผ้าที่นำมาใช้อาจจะเป็น Alcantara แบบเดียวกับที่ใช้ใน Tesla Model S และ Model X เช่นเดียวกับชุดแผงหน้าปัด ที่คาดว่าจะมีการปรับดีไซน์ให้ดูทันสมัยและเรียบง่ายมากขึ้น แต่ไฮไลท์จริงๆ ของการพัฒนา Tesla Model 3 MY 24 คงอยู่ที่ชุดกล้องที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะเริ่มขึ้นไลน์การผลิตในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี เช่นเดียวกัน ในอนาคต เราจะได้เห็น Tesla Model Y ที่เข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบเดียวกันนี้
