หลังจากที่ซุ่มพัฒนามาอย่างยาวนาน ในที่สุดยนตรกรมไฮเปอร์คาร์สัญชาติอิตาเลียนอย่าง Pagani ก้ได้ตัวตายตัวแทนที่จะมาสานต่ออารยธรรมแห่งความเร้าใจของ Huayra ที่ขึ้นแท่นของแรร์ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยไฮเปอร์ค่ารุ่นล่าสุดของค่าย มาในชื่อ Pagani Utopia ซึ่งดูจะเป็นคำเรียกที่สมน้ำสมเนื้อ เพราะไฮเปอร์คาร์ผู้นี้ มาพร้อมกำลังการขับเคลื่อนกว่า 800 แรงม้า พร้อมฟีลลิ่งการขับขี่ในสไตล์ Old School ด้วยเกียร์ธรรมดา 7 สปีด ที่ใครๆ ต่างก็อยากสัมผัส
Pagani Utopia ไฮเปอร์คาร์ 864 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 7 สปีด
Pagani Utopia (C10) ใช้เวลาในการพัฒนา ปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอด 6 ปี ภายใต้ความตั้งใจ 3 ประการ คือ ความเรียบง่าย, น้ำหนักที่เบา รวมถึงความสุขในการขับขี่ จนได้ไฮเปอร์คาร์ที่มีความสมบูรณ์แบบ ภายใต้กระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถัน พร้อมการใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เมื่อแรกเห็น เราสามารถรู้ได้ทันทีเลยว่า นี่คือ รถในรูปแบบไฮเปอร์คาร์จากแบรนด์ Pagani เช่น การจัดตำแหน่งท่อไอเสียที่วางอยู่ในช่องกลางด้านท้าย, ดีไซน์ของชุดสปอยเลอร์ท้ายที่ดีไซน์มาให้เป็นชิ้นเดียวกับตัวถัง รวมถึงตำแหน่งไฟท้ายที่ออกแบบมาในลักษณะที่เหมือนลอยอยู่กลางอากาศ มุมมองในภาพรวม อาจจะยังคงให้กลิ่นอายของ Huayra แต่สำหรับ Pagani Utopia ให้มุมมองที่ดูสุขุมมากกว่าอย่างชัดเจน
โครงสร้างตัวถังของ Pagani Utopia ทำจากวัสดุ Carbo-Titanium HP62 G2 และ Carbo-Triax HP62 อันเป็นวัสดุเฉพาะของแบรนด์ ทำจากเส้นใยคาร์บอน A-Class ที่มีความแข็งแรงมากกว่าคาร์บอนทั่วไป 38% (ในความหนาแน่นเท่ากัน) เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสาร Pagani Utopia ยังคงกลิ่นอายความเป็นแบรนด์ไฮเปอร์คาร์สัญชาติอิตาเลียน เช่น การใช้มาตรวัดทรงกลมแบบ 2 วง พร้อมด้วยมิเตอร์แสดงผล และช่องแอร์แบบ 4 ช่อง ที่วางอยู่บริเวณคอนโซลหน้า โดยสิ่งที่ทำให้ Pagani Utopia ดูล้ำสมัยกว่า Huayra คือ การมาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT (วางคั่นระหว่างมาตรวัดความเร็วและวัดรอบ) ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างละเอียด ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจมากที่สุดประการหนึ่งใน Pagani Utopia คงหนีไม่พ้น การกลับมาใช้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 7 สปีด วางเลย์เอาท์ในรูปแบบ H-Pattern แม้ว่าอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแบรนด์ Pagani เพราะในอดีตเราเคยเห็น Zonda ที่ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ในลักษณะนี้มาแล้ว แต่ความน่าแปลกใจ คือ การที่ Pagani Utopia ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นรถในสไตล์ Old School แม้ว่ารุ่นที่ผ่านมาอย่าง Huayra จะเปลี่ยนไปใช้ระบบส่งกำลังแบบ Sequential 7 สปีด ที่ทำงานร่วมกับ Paddle Shift แล้วก็ตาม แต่หากผู้ครอบครองไม่ได้รู้สึกอินกับการใช้เกียร์ในรูปแบบแมนวล Pagani Utopia ก็ยังมีทางเลือกด้วยเกียร์อัตโนมัติมาเป็นออพชั่นด้วย (แต่ไม่มีระบบเกียร์แบบ Dual Clutch มาให้เลือก เพราะต้องการลดน้ำหนัก) โดย Pagani Utopia มีน้ำหนักเพียง 1,280 กก. ซึ่งเบากว่า Huayra อยู่ถึง 70 กก.
Pagani Utopia มาพร้อมขุมพลัง 6.0 ลิตร
แบบ V12 Bi-Turbo ที่ได้รับการพัฒนาโดยทาง Mercedes-AMG สามารถทำแรงม้าได้ถึง 864 ตัว พร้อมกับแรงบิดในระดับ 1,100 นิวตัน-เมตร อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 2,800-5,900 รอบ/นาที ซึ่งด้วยการพัฒนาชุดวาล์วใหม่ ทำให้เครื่องยนต์ของ Pagani Utopia สามารถลากรอบได้ถึง 6,700 รอบ/นาที โดยยังสามารถควบคุมระดับการปลดปล่อยมลพิษได้อยู่ในค่ามาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับ ตัวท่อไอเสียทำจากไทเทเนียม เคลือบด้วยเซรามิคที่ช่วยไล่ไอเสียให้ไหลผ่านได้เร็ว พร้อมรักษาอุณหภูมิในการทำงานได้อย่างคงที่ และมีน้ำหนักเบาเพียง 6 กก.
ด้านระบบช่วงล่างของ Pagani Utopia
มาพร้อมโครงสร้างซับเฟรมแบบดับเบิลวิชโบน ที่ทำจากอลูมิเนียมฟอร์จ ซึ่งให้ความแข็งแรงสูง แต่มีน้ำหนักเบา จับคู่กับระบบกันสะเทือนแบบ Semi Active ที่พร้อมสำหรับการใช้งานบนถนนและในสนามแข่ง ซึ่งช่วงล่างจะตอบสนองการขับขี่ต่างกันตามโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้ ระบบเบรกใช้คาลิเปอร์จาก Brembo 6 POT ในด้านหน้า จับคู่จานคาร์บอนเซรามิค ส่วนคาลิเปอรืหลังเป็นแบบ 4 POT โดยชุดช่วงล่างทั้งหมด ถูกจัดเซ็ตคู่กับล้ออลูมิเนียมฟอร์จจาก APP Tech หน้า 21 หลัง 22 นิ้ว พร้อมแผ่นครอบคาร์บอนไฟเบอร์ (ช่วยดักลมเป่าเบรก และจัดระเบียงบการไหลเวียนของลมด้านข้าง) รัดดัวยยางคุณภาพสูงจาก Pirelli P Zero Corsa และ Pirelli SottoZero สำหรับฤดูหนาว…ซึ่งคงเป็นความคิดที่ดูประหลาดเล็กน้อย หากจะเอารถที่มีมูลค่าระดับ 2.17 ล้านยูโร (ประมาณ 79 ล้านบาท ไม่รวมภาษี 300% บ้านเรา) มาวิ่งทำความเร็วบนหิมะ แต่สิ่งหนึ่งที่ทางค่ายต้องการจะสื่อก็คือ Pagani Utopia เป็นรถที่สามารถขับใช้งานได้ทุกวัน Pagani Utopia โดยจะผลิตมาเพียง 99 คัน เท่านั้น
