เมื่อช่วงปลายปีก่อน ทางค่าย Honda ส่งรถอเนกประสงค์ในตระกูล WR-V ลุยตลาดครั้งแรกในโลกที่ประเทศอินโดนิเซีย โดย Honda WR-V นั้น มาในรูปแบบครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด 5 ที่นั่ง ที่เน้นความปราดเปรียว และประโยชน์ใช้สอยที่ครอบคลุม อีกทั้งยังโดดเด่นด้านพละกำลัง ด้วยการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ร่วมกับชุดเกียร์ CVT ซึ่งช่วยให้ทุกการขับเคลื่อน เป็นไปอย่างราบรื่น คล่องตัวในทุกรูปแบบการใช้งาน อีกทั้งยังอัดแแน่นด้วยเทคคโนโนยีความปลอดภัยขั้นสูง Honda Sensing
มิติตัวรถของ Honda WR-V มีขนาดโดยรวมอยู่ที่ ความกว้าง x ความยาว x ความสูง เท่ากับ 1,780 x 4,060 x 1,608 มม. และมีระยะฐานล้อที่ 2,485 มม. ซึ่งหากเทียบกับรถในค่ายเดียวกันอย่าง Honda BR-V แล้ว มีมิติที่เล็กกว่าอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องความยาว และความสูง (ความกว้างเท่ากัน) โดยเฉพาะเครื่องของระยะฐานล้อ ซึ่งสั้นกว่าถึง 210 มม. รวมถึงมีระยะฐานล้อที่สั้นกว่า Honda HR-V e:HEV ที่เป็นรถครอสโอเวอร์ในรูปแบบ 5 ที่ชั่ง เช่นเดียวกันถึง 125 มม. นอกจากนี้…หากทำไปเทียบกับรถครอสโอเวอร์ B-Segment ที่มีขนาดกะทัดรัดที่สุดในประเทศไทยอย่าง Mazda CX-3 ตัวรถ Honda WR-V ยังคงมีระยะฐานล้อที่สั้นกว่า 85 มม. จึงอาจเรียกได้ว่า การมาของ Honda WR-V เป็นเซ็กเม้นท์ใหม่ของรถในสไตล์ครอสโอเวอร์สำหรับประเทศไทยเลยก็ว่าได้
ด้วยระยะฐานล้อที่สั้นของ Honda WR-V ส่งผลโดยตรงต่อฟีลลิ่งการขับขี่ โดยเฉพาะเรื่องความคล่องตัวในการใช้งาน อีกทั้งตัวรถยังโดดเด่นในเรื่องความสูง ด้วยระยะต่ำสุดจากพื้นที่มากถึง 220 มม. ช่วยให้การหลบเลี่ยง หรือผ่านอุปสรรคทำได้อย่างสะดวก ด้านขุมพลัง Honda WR-V มาพร้อมเครื่องยนต์เบ็นซิน 4 สูบ ในพิกัด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที พร้อมกับแรงบิด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ชุดช่วงล่างของ Honda WR-V ในด้านหน้ามาในรูปแบบอิสละแม็คเฟอร์สันสตรัท และใช้ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ชุดเบรกเป็นแบบหน้าดิสค์ หลังดรัม พร้อมตัวช่วยความปลอดภัยขั้นพื้นฐานทั้ง ABS, EBD และ BA
ห้องโดยสารของ Honda WR-V มาพร้อมชุดหน้าปัดแบบอนาล็อก จับคู่หน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 7 นิ้ว แบบสัมผัส ซึ่งรองรับการทำงานของ Apple Carplay และ Android Auto ทำงานร่วมกับลำโพง 6 ตำแหน่ง เพื่อสร้างความบันเทิงภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้ยังมากด้วยประโยชน์ใช้สอย ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 380 ลิตร สิ่งที่น่าสนใจ คือ Honda WR-V มาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบครบครัน นำทีมโดย Honda Sensing เช่น ระบบเตือนการชนพร้อมช่วยเบรก, ระบบเตือนการออกนอกเลน พร้อมช่วยควบคุมตัวรถให้อยู่ภายในเลน, ระบบปรับความเร็วแปรผันอัตโนมัติ, ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ อัตโนมัติ รวมถึงระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภภัยขั้นพื้นฐานแบบครบครัน เช่น ระบบช่วยการทรงตัว, ระบบล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อเดินออกนอกระยะ และถุงลมพร้อมม่านนิรภัย 6 ตำแหน่ง
Honda WR-V จะเปิดตัวในประเทศไทยวันที่ 10 มีนาคมนี้ โดยคาดว่าจะวางตำแหน่งราคาอยู่ในระหว่าง Honda City 1.0 Turbo RS และต่ำกว่าราคาเริ่มต้นของ Honda BR-V ราว 80,000-100,000 บาท (ตามส่วนต่างราคาในประเทศอินโดนิเซีย) ทั้งนี้คงต้องรอลุ้นราคาหลังเปิดตัว ว่า Honda WR-V จะสามารถสร้างความตื่นตัวให้กับลุกค้าชาวไทยได้มากขนาดไหน ?