หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ ค่าย Honda เตรียมกลับมาสร้างความคึกคักอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวอเนกประสงค์รุ่นใหญ่อย่าง Honda CR-V ในเจนเนอเรชั่นที่ 6 ในวันที่ 20 มีนาคมนี้ ก่อนที่จะนำไปโชว์ตัวอย่างเป็นทางการในช่วงงาน Motor Show 2023 การกลับมาในครั้งนี้ของ Honda CR-V คาดว่าจะมาพร้อมขุมพลังใน 2 รูปแบบ นั่นคือ เครื่องยนต์บล็อค 1.5 ลิตร เทอร์โบ รวมถึงขุมพลังในรูปแบบไฮบริด e:HEV ที่จะเป็นกำลังหลักของการทำตลาดในประเทศไทย
สำหรับ Honda CR-V เจนเนอเรชั่นที่ 6 เปิดตัวครั้งแรกในตลาดโลกทางฝั่งอเมริกาเมื่อช่วงกลางปีก่อน โดยมาทั้งในรูปแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง (สำหรับตลาดในประเทศจีน) มิติตัวรถในภาพรวมอยู่ที่ ความกว้าง x ความยาว x ความสูง = 1,865 x 4,689 x 1,692 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,700 มม. (ยาวกว่าเจนเนอเรชั่นก่อน 38 มม.) พร้อมการดีไซน์รูปแบบตัวถังและองประกอบต่างๆ ให้ดูบึกบึนมากยิ่งขึ้น เช่น กระจังหน้าพร้อมชุดไฟในทริมสี Smoke Chrome จับคู่ระบบส่องสว่างดีไซน์ใหม่ หลังคามาพร้อมพาโนรามิคซันรูฟ เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ล้ออัลลอยมาในขนาด 19 นิ้ว โอบรัดด้ายยาง 235/55 R19 (สำหรับรุ่น e:HEV ตัวท็อป และ 235/60 R18 สำหรับรุ่นอื่นๆ)
ขุมพลังของ Honda CR-V เจนฯ 6
ที่เปิดตัวในต่างประเทศ มีให้เลือกทั้งในรูปแบบเบ็นซิน เทอร์โบ 4 สูบ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมกับแรงบิด 243 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,700 -5,000 รอบ/นาที โดยมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้ง ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ Real-Time AWD with Intelligent Control System จับคู่ชุดเกียร์แบบ CVT นอกจากนี้แล้ว ยังมีขุมพลังที่เป็นไฮไลท์อย่างบล็อคไฮบริด e:HEV ที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบ็นซิน แอตกินสันไซเคิ่ล พิกัด 2.0 ลิตร จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (ขับเคลื่อนสี่ล้อ Real-Time AWD with Intelligent Control System) พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 1.3 kWh ให้กำลังขับเคลื่อนรวม 207 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดตั้งแต่ออกตัว จนถึง 2,000 รอบ/นาที ที่ 335 นิวตัน-เมตร รองรับการขับขี่ 4 รูปแบบ ทั้ง Sport, Normal,
Econ และ Snow โดยจุดเด่นของขุมพลังบล็อคนี้ อยู่ที่อัตราสิ้นเปลือง ซึ่งทำให้ดีกว่า 20 กม./ลิตร
ระบบช่วงล่างของ Honda CR-V เจนเนอเรชั่นที่ 6
ในด้านหน้ามาในรูปแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนในด้านหลังมาในรูปแบบมัลติลิ้งค์ บังคับเลี้ยวด้วยชุดพวงมาลัยไฟฟ้า Dual Pinion Assist Electric Power Steering (EPS) จำนวนรอบการหมุน 4 รอบ (ซ้ายสุด – ขวาสุด) รัศมีวงเลี้ยวอยู่ที่ต่ำกว่า 5.7 ม. ที่น่าสนใจ คือ Honda CR-V เจนเนอเรชั่นที่ 6 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda Sensing ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบเตือนและป้องกันการชนจากทางด้านหน้า, ระบบเบรกที่ช่วยลดโอกาสในการปะทะ, ระบบเตือนเมื่อตัวรถออกนอกเลนพร้อมดึงกลับอัตโนมัติ, ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมตามรถคันหน้าในช่วงความเร็วต่ำ, ระบบอ่านป้ายจราจร นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นพื้นรฐานในทุกรุ่นย่อย ซึ่งรวมไปถึงกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา และถุงลมนิรภัย 10 ตำแหน่ง
ห้องโดยสารของ Honda CR-V เจนเนอเรชั่นที่ 6
มาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว จับคู่หน้าจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัส 9 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย ทำงานร่วมกับชุดเครื่องเสียงจาก Bose ที่มาพร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง จุดชาร์จไฟมีทั้ง Wireless Charge ที่รองรับการจ่ายไฟ 15 วัตต์ รวมถึงช่องเสียบ USB แบบ Type C 3.0 แอมป์ เบาะนั่งมาพร้อมฟังค์ชั่นปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมดันหลังสำหรับผู้ขับขี่ รวมถึงมีเมมโมรีมาให้ 2 ตำแหน่ง ส่วนเบาะคนนั่งมาในแบบปรับไฟฟ้า 2 ทิศทาง ระบบปรับอากาศเป็นแบบดิจิตัล Dual Zone
สุดท้ายคงต้องรอลุ้นกันว่า Honda CR-V เจนเนอเรชั่นที่ 6 ที่จะเปิดตัวในประเทศไทย วันที่ 20 มีนาคมนี้ ทาง ฮอนด้า ประเทศไทย จะเลือกออพชั่นไหน ทำตลาดในกี่รุ่นย่อย และมีช่วงราคาที่เท่าไหร่ ? แต่ที่แน่ๆ ทางเลือกพร้อมเปิดกว้างสำหรับสายเดินทางในรูปแบบครอบครัวอย่างแน่นอน !