ในงาน Auto Shanghai 2023 นอกจากจะยกทัพรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาโชว์ตัวถึง 5 แบรนด์แล้ว ค่าย GWM ยังได้ใช้โอกาสนี้ เพื่อเปิดตัว Hi4 (Hybrid Intelligent 4WD) แพลตฟอร์มเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ล่าสุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนระบบขับเคลื่อนที่รองรับเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่ อันเป็นการผสานการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสมรรถนะ รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษที่ต่ำลง อีกทั้งยังเป็นการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ครบครัน ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างไฮบริด แบตเตอรี่ไฟฟ้า พลังงานไฮโดรเจน เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ห้องโดยสาร การขับขี่ ไปจนถึงแชสซีส์อัจฉริยะ
แพลตฟอร์ม Hi4 ออกแบบมาสำหรับรถในสไตล์ SUV
ที่พร้อมรองรับความหลากหลายในการใช้งาน ครอบคลุมตั้งแต่รถในพิกัด A – C Segment โดยเป็นการผสานกำลังระหว่างระบบขับเคลื่อน 2 รูปแบบ ทั้งเครื่องยนต์เบ็นซิน (ทำงานใน 2 หน้าที่ คือ ขับเคลื่อนและปั่นไฟจ่ายให้กับชุดมอเตอร์) และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด (แยกอิสระระหว่างล้อคู่หน้าและหลัง) ในลักษณะไฮบริดเสียบปลั๊ก ระดับของพละกำลังสูงสุดของระบบ E-Hybrid ใน แพลตฟอร์ม Hi4 ที่ทำได้ คือ 340 kW หรือประมาณ 455 แรงม้า นอกจากนี้ยังเพิ่มความโดดเด่นด้านเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการความร้อนได้สูงถึง 41.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันของ ระบบการเผาไหม้ที่ล้ำสมัย ระบบหัวฉีดไดเรคอินเจคชันแรงดันสูง และเทคโนโลยีการหมุนเวียนก๊าซไอเสียแรงดันต่ำ
การควบคุมและจัดการพลังงานอัจฉริยะของแพลตฟอร์ม Hi4 ยังช่วยให้การทำงานของเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงสุดและเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงานให้สูงขึ้นประมาณ 8% เมื่อเทียบกับระบบการจัดการพลังงานแบบเดิม ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาด 20 kWh ช่วยให้แพลตฟอร์ม Hi4 มีระยะทางขับขี่ด้วย EV-Mode ได้มากกว่า 100 กม. นอกจากนี้ จากประสิทธิภาพการชาร์จแบบเร็วถึง 97% ช่วยให้สามารถชาร์จจาก 30% ถึง 80% ในอุณหภูมิแวดล้อมปกติภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที เป็นผลมาจากเทคโนโลยีชาร์จแรงดันสูง และระบบการจัดการการชาร์จอัจฉริยะ
แพลตฟอร์ม Hi4 ของ GWM มาพร้อมกับนวัตกรรมเทคโนโลยีไฮบริด 3 รูปแบบใหม่ ได้แก่
โครงสร้างอี-ไฮบริด ที่ตอบโจทย์การขับขี่ของผู้ใช้ได้มากขึ้น, เทคโนโลยีควบคุมการขับขี่ใหม่ ที่มีระบบเซนเซอร์ความแม่นยำสูงและทำงานรวดเร็วระดับมิลลิวินาที รวมถึงระบบส่งกำลังที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างประกับเพลาไฟฟ้า และระบบเกียร์รูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ไปอีกขั้น ซึ่งโครงสร้างอี-ไฮบริดนี้ เป็นการดีไซน์ระบบไฮบริดใหม่ทั้งหมด โดยอาศัยแหล่งพลังงาน 3 รูปแบบ ด้วยกระจายกำลังแบบเพลาคู่ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ล้อคู่หน้าและหลัง ในการกระจายกำลังอย่างสมดุล ทำให้เกิดโครงสร้างไฮบริดไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบอนุกรม-ขนาน (A series-parallel 4WD electric hybrid architecture) ช่วยตอบสนองต่อสถานการณ์ขับขี่ของผู้ใช้ได้มากขึ้น ทำให้เหมาะสำหรับการขับขี่ทั้งบนถนนทั่วไปและเส้นทางออฟโรด
พื้นฐานการทำงานแบบคร่าวๆ ของระบบ Hi4 แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ คือ หากขับขี่แบบปกติ ในช่วงออกตัวจะใช้มอเตอร์ที่ล้อคู่หลังเป็นตัวขับเคลื่อน โดยเครื่องยนต์จะถูกส่งต่อไปยังมอเตอร์เซ็ตด้านหน้า เพื่อทำหน้าที่ปั่นไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน, จากน้นหากวิ่งด้วยความเร็วสูงคงที่ เซ็ตมอเตอร์ทางด้านหน้า รวมถึงเครื่องยนต์ จะถูกตัดต่อกำลังร่วมกันเพื่อทำงานร่วมกัน ตามสภาวะการขับขี่ที่จะใช้พลังงานในระดับที่เหมาะสมที่สุด โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในแพลตฟอร์ม Hi4 สามารถกระจายกำลังอย่างเหมาะสมในแต่ละสภาพการขับขี่ถึง 9 รูปแบบ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ถูกนำมาใช้กับ Haval Fierce Dragon MAX, GWM Tank 500 Hi4 รวมถึง GWM Tank 400 ที่เปิดตัวไปในงาน Auto Shanghai 2023
เพื่อให้การขับขี่มีประสิทธิภาพสูงสุด แพลตฟอร์ม Hi4 ยังมาพร้อมระบบ GWM iTVC (intelligent Torque Vectoring Control) ที่เป็นเทคโนโลยีควบคุมการขับขี่ ซึ่งจะใช้ระบบเซนเซอร์ความแม่นยำสูงและทำงานรวดเร็วระดับมิลลิวินาที ช่วยตรวจจับความเร็วรถผ่านการหมุนของมอเตอร์ โดยระบบ GWM iTVC สามารถกระจายกำลังได้อย่างรวดเร็วและปรับแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและหลังหลังได้ภายในเสี้ยววินาที ป้องกันการลื่นไถลบนพื้นผิวถนนลื่น และเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับความปลอดภัยในการขับขี่ขณะเข้าโค้ง
ในภาพรวม…แพลตฟอร์ม Hi4 ของ Great Wall Motor นับเป็นการปฏิวัติตลาดรถเอสยูวีไฮบริด ด้วยการนำเสนอสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพความประหยัดที่เหนือชั้น เพื่อเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด ตามที่บริษัทมีความมุ่งมั่นในการเดินหน้าพัฒนาพลังงานใหม่ และพลิกโฉมเชิงกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วโลกมีทางเลือกที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น