หลังจากที่มีภาพหลุดในช่วงเวลาการทดสอบออกมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดปิคอัพรุ่นแรกของค่าย BYD ก็ได้ฤกษ์รอวันเผยโฉมอย่างเป็นทางการ โดยการถือกำเนิดของปิคอัพผู้นี้ จะมาพร้อมขุมพลังในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ สามารถรองรับการใช้งานในรูปแบบไฟฟ้าล้วน เพื่อให้เข้ากับกฎหมายการขับขี่ในเมืองสำหรับบางประเทศ
จากรายละเอียดที่ออกมาจากการโพสต์ผ่าน X หรือ Twitter ของ BYD ปิคอัพรุ่นแรกของค่าย จะมาในชื่อ BYD Shark ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งชื่อในตระกูลสัตว์ทะเล (ฉลาม) ที่มักจะใช้กับรถในตระกูล BYD Ocean Series โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ที่กรุงเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก เป็นที่แรกในโลก
ดีไซน์ภายนอกของ BYD Shark
เน้นความโดดเด่นด้วยการใช้แถบไฟ LED รูปทรงตัว C พร้อมคาดกลางในส่วนบนสุดของกระจังหน้าต่อเนื่องลายเส้นยาวขวาจรดซ้าย โดยในบริเวณกระจังหน้า ถูกแปะไว้ด้วยตัวอักษร B Y D สามารถบ่งบอกตัวตนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ส่วนที่มุมกันชนรวมถึงซุ้มล้อ เติมความแข็งแกร่งด้วยชุดโป่ง ให้ความรู้สึกที่บึกบึน สมบุกสมบัน เช่นเดียวกันในด้านท้าย อันเป็นที่อยู่ของชุดสปอร์ตบาร์ ส่วนชุดไฟท้าย ดีไซน์มาในรูปแบบเดียวกับไฟหน้า ให้ความรู้สึกที่ดูกลมกลืน รับกับชุดไฟหน้าได้อย่างลงตัว
ตามข้อมูลที่ออกมาในช่วงเดือนเมษายนั้น มีรายงานว่า BYD Shark (ในโฉมที่ยังถูกปกคลุมด้วยลายพราง) จะใช้โครงสร้าง DMO Platform อันเป็นแพลตฟอร์ที่ใช้ร่วมกับรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยม Leopard 5 ผู้ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกน้องใหม่ Fang Cheng Bao ของค่าย BYD ในประเทศจีน โดยขุมพลังที่คาดว่าจะนำมาประจำการใน BYD Shark เบื้องต้นจะมาในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด DM-P (Dual Mode Pewerful ซึ่งหมายถึงรถในกลุ่มที่เน้นสมรรถนะ มากกว่าการลดอัตราสิ้นเปลือง) ที่จะใช้เครื่องยนต์เบ็นซินในพิกัด 1.5 ลิตร เทอร์โบ จับคู่กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สำหรับล้อคู่หน้าและหลัง (ขับเคลื่อนสี่ล้อ) โดยคาดว่าจะให้กำลังขับเคลื่อนรวมทั้งระบบราว 490 แรงม้า ส่วนในอนาคต…อาจจะมีรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนตามออกมาในภายหลัง
ในส่วนของห้องโดยสารหากเทียบจากภาพหลุดที่ออกมาก่อนหน้านี้ ถือว่า BYD Shark เป็นหนึ่งในปิคอัพที่ออกแบบภาายในได้อย่างล้ำสมัย โดยจะมาพร้อมชุดหน้าจอ TFT ทั้งสำหรับผู้ขับขี่ รวมถึงหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ โดยบริเวณคอนโซลกลาง เป็นที่อยู่ของแผงสวิตช์ที่จำเป็น เพื่ออำนวยความสะดวกในฟังค์ชั่นที่ต้องใช้งานบ่อยครั้ง โดยจะวางชุดคันเกียร์ พร้อมปุ่มปรับรูปแบบการขับขี่อยู่เหนือชุดแผงควบคุมดังกล่าว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…สำหรับเวอร์ชั่นทำตลาดจริง คงต้องรอดูในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ อีกครั้ง