Toyota Yaris Cross เทียบสเปคคู่แข่ง B-Segment SUV ในตลาดเมืองไทย…ยืนตรงไหนดี ?

Toyota Yaris Cross เปิดตัวครั้งแรกในประเทศอินโดนิเซีย เมื่อไม่กี่วันก่อน และถูกคาดหมายกันว่า นี่จะเป็นรถอีกหนึ่งรุ่น ที่วางแพลนจะทำตลาดในประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า ตำแหน่งทางการตลาดนั้น จะถูกวางไว้ในระดับที่ต่ำกว่า Toyota Corolla Cross ผู้ที่เปรียบเสมือนพี่ใหญ่ในฝั่ง B-Segment SUV ที่สามารถแชร์ส่วนแบ่งฐานลูกค้าทั้งในกลุ่มเดียวกันเอง รวมถึงชกข้ามรุ่นไปยังกลุ่มรถในสไตล์ครอสโอเวอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าได้อย่างไม่ขัดเขิน ด้วยมิติตัวถัง รวมถึงพิกัดของขุมกำลังที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจน

Toyota Yaris Cross รถในพิกัด B-Segment SUV น้องใหม่ ที่คาดว่าจะทำตลาดในประเทศไทยเร็วๆ นี้

แม้ว่าชื่อของ Toyota Yaris Cross จะดูเป็นรถที่คุ้นหูมาอย่างยาวนาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เวอร์ชั่นที่เปิดตัวในอินโดนิเซีย ถือเป็นโมเดลใหม่ ที่ไม่ได้เกี่ยวโยงกับ Toyota Yaris Cross ที่เปิดตัวในฝั่งยุโรป (แม้ว่าจะใช้ชื่อเดียวกัน) ในส่วนของดีไซน์ถือว่ามีความแตกต่างแบบแยกได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับขุมพลัง ที่แม้จะมาในรูปแบบ 1.5 ลิตร และ 1.5 ลิตร ไฮบริด เช่นเดียวกัน แต่เครื่องยนต์ที่ใช้ จะเป็นคนละรูปแบบ (ฝั่งอินโดฯ เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ รหัส 2NR ให้กำลัง 91 แรงม้า พร้อมแรงบิด 121 นิวตัน-เมตร ส่วนฝั่งยุโรปใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ รหัส M15A กำลัง 116 แรงม้า กับแรงบิด 120 นิวตัน-เมตร) แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ มอเตอร์ที่ใช้เป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน ซึ่งจะมีการเซ็ตระดับพละกำลังเอาไว้ที่ 80 แรงม้า พร้อมแรงบิด 141 นิวตัน-เมตร โดยมอเตอร์ชุดนี้ จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ในรูปแบบ Parallel Hybrid แบบที่หลายคนคุ้นเคยในระบบการทำงานของ Toyota ยังไม่ได้เป็นระบบ e-Smart Hybrid ซึ่งทำงานในลักษณะ Series Hybrid คล้ายกับ Nissan Kicks e-Power

Honda BR-V เป็นรถที่มีระยะฐานล้อยาวที่สุดในคลาส โดยปัจจัยสำคัญคือ ความเป็นรถในรูปแบบ 7 ที่นั่ง

เทียบมิติตัวถัง Toyota Yaris Cross กับรถในระดับใกล้เคียงกัน

Toyota Yaris Cross ได้รับการพัฒนาบน DNGA Platform จาก Daihatsu เช่นเดียวกับ Toyota Yaris ATIV ที่ทำตลาดอยู่ในบ้านเรา โดยขนาดมิติตัวรถ อยู่ที่ 1,770 x 4,310 x 1,615 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,620 มม. หากเทียบกับคู่แข่งที่สำคัญในท้องตลาด ถือว่า Toyota Yaris Cross มีระยะฐานล้อเป็นรองแค่ Honda BR-V เพียงคันเดียว ด้วยความที่เป็นรถในรูปแบบ 7 ที่นั่ง จึงไม่แปลกที่จะต้องถูกออกแบบให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารใหญ่กว่ารถทั่วๆ ไป (หากเปรียบเทียบกับ Honda WR-V เป็นทาง Toyota Yaris Cross ที่มีระยะฐานล้อยาวกว่าถึง 135 มม.) โดยสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ชัดว่า Toyota Yaris Cross เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย คือ การวางระยะต่ำสุดจากพื้นที่มีความสูงมากถึง 260 มม. ซึ่งช่วยให้ตัวรถสามารถเดินทางผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้แบบไร้ซึ่งความกังวลได้มากขึ้น

ขุมพลังของ Toyota Yaris Cross

ที่เปิดตัวในประเทศอินโดนิเซีย ประกอบด้วย 2 รูปแบบ ตั้งแต่เครื่องยนต์เบ็นซิน 2NR-VE บล็อค 4 สูบ 1.5 ลิตร แบบเดียวกับที่ประจำการใน Toyota Veloz ซึ่งให้กำลัง 106 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 138 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT กับอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ในรูปแบบไฮบริด ซึ่งปรับการทำงานของเครื่องยนต์ในพิกัด 1.5 ลิตร ให้มีโหลดต่ำลง ก่อนจะเสริมด้วยชุดมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อน โดยผสานการทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยชุดเกียร์ E-CVT ในรูปแบบ Parallel Hybrid และมีแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนมาเป็นตัวเก็บกักพลังงานสำรอง

เทียบระดับพละกำลัง Toyota Yaris Cross กับรถในระดับใกล้เคียงกัน

หากให้ความสำคัญกับอัตราเร่งและความสนุกในการขับขี่ ในคลาสนี้คงต้องยกให้ Nissan Kicks e-Power และ MG VS HEV

ตัวเลขพละกำลังรวม แม้ว่า Toyota จะไม่ได้แจ้งออกมาอย่างชัดเจน (ตามข้อมูล คือ กำลังรวมทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์อยู่ที่ 112 แรงม้า)  แต่หลายครั้ง…สิ่งที่เราได้เห็นจากแนวทางการออกแบบของค่าย คงหนีไม่พ้น สมรรถนะในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ โดยไม่ได้มุ่งหวังความแรงมากเกินไป จนอาจทำให้กระทบต่อเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง ซึ่งในแง่ของอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงของ Toyota Yaris Cross คาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 20 กม./ลิตร สำหรับการใช้งานจริง แต่หากเทียบเรื่องความเร้าใจในการขับขี่ คงต้องยกให้ Nissan Kicks e-Power และ MG VS HEV ซึ่งทั้งคู่…สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในระดับ 8.xx วินาที

ภาพลักษณ์ในห้องโดยสารของ Toyota Yaris Cross

สำหรับรายละเอียดการเซ็ตออพชั่นสำหรับ Toyota Yaris Cross เวอร์ชั่นที่คาดว่าจะทำตลาดประเทศไทย ในเวลานี้อาจจะยังไม่มีออกมา แต่เชื่อว่า…ทิศทางการออกแบบรถจากแบรนด์ Toyota ในระยะหลัง (ตั้งแต่ Veloz จนถึง Yaris ATIV) ทางค่ายคงจะยัดออพชั่น ใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยมาให้แบบไม่มีกั๊ก ซึ่งส่งให้ตลาด B-Segment SUV ในกลุ่มที่เน้นความคุ้มค่า ด้วยระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย กลับมามีการแข่งขันกันได้อย่างคึกคักมากยิ่งขึ้น