หลังจากที่เปิดตัวมาได้ปีเศษๆ พร้อมกระแสตอบรับที่ทำได้อย่างน่าสนใจจากบรรดากลุ่มผู้ใช้รถในรูปแบบครอบครัวได้อย่างน่าสนใจ แต่เสียงหนึ่งที่สะท้อนออกมาสำหรับ Toyota Corolla Cross ก็คือ ความเป็น “รถแม่บ้าน” หรือมีความนุ่มนวลมากเกินไป เมื่อเทียบกับรถที่ถูกพัฒนามาจากพื้นฐานเดียวกันอย่าง Toyota CH-R ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การขับขี่แนวสปอร์ต เมื่อเห็นดังนั้น…ทางค่าย Toyota จึงไม่รอช้าที่จะปล่อย Toyota Corolla Cross GR Sport ออกมาเพื่ออุดช่องว่าง หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับรถในตระกูล GR Sport ที่ออกมาก่อนหน้านี้ทั้ง 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Toyota Corolla Altis, Toyota Hilux REVO และ Toyota Fortuner
Toyota Corolla Cross GR Sport ได้รับการปรับรายละเอียดในหลายๆ จุด ทั้งภายนอก ภายใน รวมถึงการปรับชุดช่วงล่างเพื่อให้ตอบโจทย์การขับขี่ในรูปแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งให้ Toyota Corolla Cross GR Sport มีภาพลักษณ์และสมรรถนะที่โดดเด่นมากพอที่จะดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ใหม่ๆ ที่กำลังมองหาสไตล์การขับขี่ที่มีความสนุก และควบคุมได้อย่างมั่นใจ ผสานกับความประหยัด รวมถึงความน่าเชื่อถือในระบบไฮบริดที่จัดว่าเป็นเบอร์ 1 ในคลาส SUV พิกัด B Segment และนี่คือ องคป์ประกอบต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมาใน Toyota Corolla Cross GR Sport
สิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นมา นอกจากภาพลักษณ์ที่ดูดุดันก็คือ เรื่องของการปรับเซ็ตช่วงล่างใหม่จากโรงงาน อันประกอบด้วยชุดสปริงและโช้กอัพแบบ Mono Tube ที่เซ็ตค่าความหนืดใหม่ ให้ตัวรถ Toyota Corolla Cross GR Sport ทรงตัวได้ดีขึ้นในย่านความเร็วสูง ยิ่งเมื่อร่วมกับการปรับเซ็ตน้ำหนักพวงมาลัยใหม่, เพิ่มเหล็กค้ำตัวถัง และการเพิ่มระบบช่วยเหลือการขับขี่ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All Speed ซึ่งทำงานทุกช่วงความเร็ว การเติมงบอีก 50,000 บาท สำหรับ Toyota Corolla Cross GR Sport ถือเป็นความคุ้มค่า เนื่องจาก…หากเอาเงินจำนวนนี้ไปลงทุนกับร้านประดับยนต์ ก็คงจะไม่มีอะไรที่การันตีได้ว่า สิ่งที่ใส่เพิ่มขึ้นมา จะดีหรือลงตัวเทียบเท่ากับอุปกรณ์ปรับแต่งที่ใส่มาให้จากโรงงาน ที่มีการคิดค้น พัฒนา และทดลองมาแล้ว จนได้ผลลัพท์ที่น่าพอใจ
หากกางสเป็คของ Toyota Corolla Cross GR Sport เทียบกับรถในรูปแบบ SUV B Segment รุ่นท็อปของแบรนด์อื่นๆ ในระดับราคาบวกลบ 1,000,000 บาท ไล่มาตั้งแต่เรื่องของขนาดตัวถัง โดยเฉพาะกับระยะฐานล้อ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดพื้นที่ภายในห้องโดยสาร จะพบว่า ระยะฐานล้อของ Toyota Corolla Cross GR Sport อยู่ในระดับกลางๆ กลุ่ม ซึ่งเป็นรองรถที่มีระยะฐานล้อยาวที่สุดอย๋าง Haval Jolion Hybrid SUV อยู่ 60 มม. แต่ก็ยังยาวกว่าคู่แข่งโดยตรงอย่าง Honda HR-V e:HEV อยู่เล็กน้อย
ในทำนองเดียวกัน ระดับพละกำลังของ Toyota Corolla Cross GR Sport นั้น ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ กลุ่ม ซึ่งหากเทียบกับทั้งคลาส ทั้งเรื่องพละกำลัง อัตราเร่ง รวมถึงประสิทธิภาพการทรงตัวของช่วงล่าง ชัดเจนว่า ในกลุ่มนี้ รถที่มีสมรรถนะโดดเด่นแบบที่เหนือกว่าเพื่อนอย่างชัดเจน คงหนีไม่พ้น Nissan Kicks e-Power ที่ใช้พื้นฐานการขับเคลื่อนด้วยชุดมอเตอร์ 100% โดยเครื่องยนต์ที่มีอยู่ ทำหน้าที่ในการปั่นไฟเท่านั้น และ Mazda CX-30 ที่ใช้กำลังจากเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ไม่มีระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วน Toyota Corolla Cross GR Sport แม้ว่าดูจากตัวเลขจะเป็นรองรถในกลุ่มที่มาในรูปแบบ Hybrid อื่นๆ แต่หากเทียบตัวเลขสมรรถนะจากการวัดด้วยเครื่องมือ V-Box ถือว่าเกาะกลุ่มได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะในย่านความเร็วสูง ด้วยพื้นฐานการขับเคลื่อนที่มาในรูปแบบ Parallel Hybrid ที่ใช้เครื่องยน๖ืในพิกัด 1.8 ลิตร นั่นทำให้ที่ความเร็ว 140 ขึ้นไป Toyota Corolla Cross GR Sport เริ่มทิ้งห่างรถในกลุ่มอย่างชัดเจน
แม้ว่าทุกคันในกลุ่ม SUV B Segment ที่ใช้เครื่องยนต์ในรูปแบบไฮบริด ไม่ว่าจะเป็น Nissan Kicks e-Power, Honda HR-V e:HEV หรือ Haval Jolion Hybrid SUV จะมีอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยสำหรับการขับขี่ทั่วไปในระดับที่เกินกว่า 20 กม./ลิตร อยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งในความเป็น Toyota Corolla Cross GR Sport คือ การรักษาระดับอัตราการสิ้นเปลืองให้อยู่ในระดับที่ดีได้โดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน คือ ขับในเมืองก็ประหยัด (มาก) ขับในเมืองก็ประหยัด (ความเร็วเดินทางตามกฎหมาย สลับการจราจรคับคั่ง #ทีมขับซ่า ทำได้อยู่ที่ 25.5 กม./ลิตร) ขับความเร็วสูง กดคันเร่งบ่อยครั้ง ก็ยังรักษาระดับของอัตราสิ้นเปลืองได้ดี (ป้าวเปี้ยนอยู่ราว 15-16.x กม./ชม.) รองลงมาคือ Honda HR-V e:HEV ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 23.0 กม./ลิตร ในวิธีการขับแบบเดียวกัน ส่วนรถที่เป็นรองด้านอัตราสิ้นเปลืองที่สุดในกลุ่มไฮบริด คือ Nissan Kicks e-Power ที่แม้ว่าการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ – ปานกลาง จะประหยัดได้อย่างน่าประทับใจด้วยตัวเลขที่สูงถึง 25.x กม./ลิตร แต่เมื่อไดก็ตามที่กดคันเร่งหนักๆ หรือใช้ความเร็วสูง อัตราสิ้นเปลือง ก็จะสวนทางกับความเร็วที่ใช้แบบทันท่วงที
ออพชั่นที่ให้มาใน Toyota Corolla Cross GR Sport เมื่อเทียบในบางองค์ประกอบ อาจจะเป็นรองคู่แข่งอยู่บ้าง (ใกล้เคียงกับออพชั่นที่ให้มาใน Mazda CX-30) แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ที่ให้มาก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในระดับที่น่าพอใจ ที่อาจขัดต่อความรู้สึกไปบ้าง ก็คงจะเป็นเบรกมือไฟฟ้า ซึ่งควรจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยุค 2021 (เช่นเดียวกับที่กล้องรอบคันหายไปใน Honda HR-V e:HEV) และก็ไม่ได้หมายความว่า รถที่ให้มามากที่สุด จะเหนือกว่าคันอื่นๆ เสมอไป เพราะหากสิ่งที่ให้มาเหล่านั้น เป็นของที่จำเป็นต่อการใช้งาน ก็คงจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ใช้เท่าใดนัก
ในทางตรงข้ามกัน สิ่งที่น่าสนใจใน Toyota Corolla Cross GR Sport กลับเป็นเรื่องของระบบความปลอดภัย ที่ดูจะให้เยอะ แบบเน้นๆ ซึ่งหลายๆ อย่างเป็นฟังค์ชั่นที่ใช้งานได้จริง และไม่มีในรถอื่นๆ เช่น กระจกมองข้างที่ปรับองศาในขณะเข้าเกียร์ถอยหลัง (Reverse Link) เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ โดยรายละเอียดตรงนี้ หลายๆ ค่ายจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็เป็นหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้ เช่น Nissan Kicks e-Power มีระบบแสดงภาพที่กระจกมองหลังผ่านชุดกล้อง, Honda HR-V e:HEV มีระบบช่วยรักษาความเร็วขฯะลทางลาดชัน หรือ Haval Jolion Hybrid SUV มีระบบช่วยถอยจอด 3 รูปแบบ เป็นต้น
อย่างที่ได้บอกไปในตอนแรก ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมาอีก 50,000 บาท สำหรับ Toyota Corolla Cross GR Sport ถือว่าเป็นการเพิ่มที่คุ้มค่า เพราะสิ่งที่ได้มานั้น ช่วยยกระดับภาพลักษณ์และประสิทธิภาพในการขับขี่ได้ไม่ต้องลุ้น แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ด้วยระดับราคาเดิมที่สูงที่สุดในคลาส (เทียบเท่า Mazda CX-30) ส่งให้การปรับในครั้งนี้ มีส่วนต่างกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Honda HR-V e:HEV อยู่ถึง 80,000 บาท นั่นจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่าย หากไม่ได้เป็นแฟนพันธู์แท้ของค่ายสามห่วงตัวจริง