ส่องรายละเอียดภายใน Porsche Cayenne 2024 ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 18 เมษายนนี้

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลายคนอาจเคยได้เห็นภาพการววิ่งทดสอบของ Porsche Cayenne เจนเนอเรชั่นที่ 3 (รหัส E3) ในรูปแบบ Face Lift ที่ถูกปกคุลมด้วยลายพรางเบาๆ ผ่านตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งเชื่อกันว่า นี่อาจเป็น Porsche Cayenne โฉมสุดท้าย ที่ทำตลาดด้วยเครื่องยนต์สันดาป ก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านสู่เจนเนอเรชั่น EV เฉกเช่นเดียวกับที่ทางค่ายวางแพลนไว้กับ SUV น้องเล็กอย่าง Porsche Macan ที่จะเปิดตัวในปี 2024 รวมถึง 718 EV ที่จะเปิดตัวในอีก 1 ปี ให้หลัง กับเป้าหมายการทำตลาดด้วยรถ EV กว่า 80% ภายในปี 2030

Porsche Cayenne เจนเนอเรชั่นที่ 3 (รหัส E3) ในรูปแบบ Face Lift

ด้วยเป้าหมายดังกล่าวแล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกในหาก Porsche Cayenne เจนเนอเรชั่นถัดไป จะมาพร้อมขุมพลังในรูปแบบที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจับคู่กับแพคแบตเตอรี่ แต่อย่างน้อยๆ คงต้องใช้เวลาจากนี้ไปอีก 3-4 ปี เนื่องจาก Porsche มีแพลนที่จะเปิดตัว Porsche Cayenne เวอร์ชั่น Face Lift อย่างเป็นทางการในวันที่ 28 เมษายนนี้ ซึ่งการปรับโฉมในครั้งนี้ จะเป็นการปรับรายละเอียดเพียงเล็กน้อยในส่วนของไฟหน้า, กระจังหน้า, ฝากระโปรง, ซุ้มล้อ รวมถึงชุดล้อที่มีการปรับดีๆซน์และสีสันให้ดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น เป็นดีไซน์ที่ยังคงถูกปกคลุมด้วยลายพรางอย่างที่เราได้เห็นกันไปก่อนนี้

แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Porsche Cayenne เวอร์ชั่น Face Lift ที่ทางค่ายได้เผยรายละเอียดออกมาเป็นที่เรียบร้อยก็คือ ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร ที่จัดเต็มด้วยลูกเล่นยุคใหม่ โดดเด่นด้วยหน้าจอ 3 จอขนาดใหญ่ ครอบคุลมพื้นที่คอนโซลหน้าแบบเต็มระบบ โดยเป็นหน้าปัดดีไซน์โค้งขนาด 12.6 นิ้ว วางอยู่ในกรอบที่ดูเรียบง่าย สามารถเลือกแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบอนาล็อค รวมถึงแสดงฟังค์ชั่นต่างๆ ได้ถึง 7 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วรอบเครื่องยนต์ ระบบนำทาง online navigation ระบบเพิ่มทัศนวิสัยยามค่ำคืน Night Vision Assist หรือระบบ 3D driving assistance ทั้งหมดนี้สามารถเลือกจัดวางให้แสดงบนหน้าจอหลักได้ นอกจากนี้ยังสั่งการให้ลดขนาดการแสดงข้อมูล ซึ่งรวมไปถึงรูปแบบวงกลม 5 ช่อง อันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ Porsche อีกด้วย นอกจากนี้ในส่วนของพวงมาลัย ยังได้รับการออกแบบในดีไซน์เดียวกับ Porsche 911 ซึ่งช่วยยกระดับความเป็นสปอร์ต รวมถึงฟังค์ชั่นการใช้งานที่มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมปุ่มปรับโหมดการขับขี่ Normal, Offroad, Sport และ Sport Plus ปุ่ม toggle สำหรับเลือกและออกแบบฟังก์ชั่นการทำงานต่าง ๆ ของแผงหน้าปัด ติดตั้งบนพวงมาลัย โดยสามารถควบคุมอุปกรณ์พิเศษ Head-up display ได้อีกด้วย

เทียบความต่างภายในห้องโดยสาร Porsche Cayenne เวอร์ชั่น Face Lift กับรุ่นที่ทำตลาด ณ ปัจจุบัน

ถัดมาที่บริเวณกลางคอนโซล เป็นที่อยู่ของชุดหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อออนไลน์ Porsche Communication Management (PCM) รวมถึงฟังค์ชั่นคำสั่งเสียง Siri โดยผู้โดยสามารถเลือกแสดงผลสตรีมมิ่งบนหน้าจอนี้ได้ตามต้องการ โดยใช้ชุดหน้าจอจะเป็นที่อยู่ของชุดควบคุมระบบปรับอากาศ HVAC แบบสัมผัส (แทนที่ตำแหน่งของคันเกียร์เดิม ซึ่งย้ายขึ้นไปอยู่บริเวณข้างหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่) ชุดควบคุมเครื่องเสียง, Wireless Charge รวมถึงช่องเชื่อมต่อ USB แบบ Type C ถึง 2 ช่อง (และอีก 2 ช่อง บริเวณคอนโซลด้านหลัง) และแน่นอนว่า ที่อดพูดถึงไม่ได้ คือ หน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ในตำแหน่งของผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งสามารถเลือกกดและแสดงผลฟังค์ชั่นจ่างๆ เช่น ระบบนำทาง รวมถึงการสตรีมมิ่งได้ในขณะเดินทาง โดยจะมีตัวกรองแสง เพื่อไม่รบกวนสายตาผู้ขับขี่ รองรับระบบ Apple CarPlay® และ Android Auto® รวมทั้งแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ เช่น Spotify® และ Apple Music รวมถึง  In-Car Video ใหม่ ผู้ใช้งานสามารถรับชมวีดีโอได้โดยตรงผ่านระบบ PCM จากผู้ให้บริการ streaming provider Screenhits TV

Porsche Cayenne เวอร์ชั่น Face Lift จะมาพร้อมขุมพลัง V6 พิกัด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้กำลัง 349 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ส่วนในรุ่น Cayenne S จะมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ V8 Bi-Turbo ให้กำลัง 468 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตัน-เมตร นอกจากนี้ยังมีทางเลือกอย่างรุ่น E-Hybrid ในรูปแบบ PHEV ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 25.9 kWh (แทนที่แบตเตอรี่ขนาด 17.9 kWh ในรุ่นปัจจุบัน) ส่งผลให้ตัวรถ สามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ถึง 463 ตัว พร้อมกับแรงบิดในระดับ 650 นิวตัน-เมตร เป็น 3 ทางเลือกแรงกที่จะทำตลาดหลังเปิดตัวในวันที่ 18 เมษายนนี้ ที่งาน เซียงไฮ้ ออโต้โชว์ 2023 ประเทศจีน โดยจะมีรุ่นแรงอย่าง Turbo S E-Hybrid ตามมาในภายหลัง