เป็นคู่ฟัดกันแบบตรงตัวอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับ Mercedes-AMG C63 S E Performance และ BMW M3 Competition ที่แต่ละฝั่งก็ล้วนแล้วแต่มีหมัดเด็ดเฉพาะตัวเพื่อมัดใจแฟนๆ ของตัวเอง โดยเฉพาะกับฝั่งบีมเมอร์ ที่ดูแฟนๆ จะเหนียวแน่และคึกคักมากกว่าทางฝั่ง AMG หากวัดกันด้วยสายตา แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อภาพที่เราคุ้นตาอาจเริ่มเฟดไป เมื่อมีการมาถึงของ Mercedes-AMG C63 S E Performance ซีดานระหรสร้อนแห่ง Affalterbach แและเพื่อให้เห็นภาพชัด ในครั้งนี้เราไปวัดกันเลยว่า ระหว่าง Mercedes-AMG C63 S E Performance และ BMW M3 Competition อันที่จริงแล้ว ใครคือ ที่สุดของวงการคอมแพคซีดาน (และแวกอน) สมรรถนะสูงในยุคนี้
รูปแบบและมิติตัวถัง
Mercedes-AMG C63 S E Performance | รายละเอียด | BMW M3 Competition |
| Sedan, Wagon | รูปแบบตัวถัง | Sedan, Wagon |
| 1,896 x 4,801 x 1,438 มม. | มิติตัวถัง | 1,887 x 4,803 x 1,432 มม. |
| 2,875 มม. | ระยะฐานล้อ | 2,857 มม. |
| 2111 กก. | น้ำหนัก | 1,764 |
Mercedes-AMG C63 S E Performance
BMW M3 Competition
สิ่งหนึ่ที่น่าสนใจ คือ ณ ปัจจุบัน ทั้ง Mercedes-AMG C63 S E Performance และ BMW M3 Competition ทำตลาดทั้งในรูปแบบซีดาน และแวกอนเหมือนๆ กัน โดยในฝ่ายแรกเปิดตัวมาพร้อมๆ กันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ส่วนทางฝั่ง BMW นั้น เปิดตัว BMW M3 Competition (G80) เวอร์ชั่นซีดาน มาสักพักใหญ่ๆ ก่อนที่ในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา จะเติมเต็มไลน์อัพให้ครบด้วย BMW M3 Touring โดยพื้นฐานแล้ว ถือว่าทั้งคู่มีคขนาดตัวถังที่ใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะระยะฐานล้อ ซึ่ง Mercedes-AMG C63 S E Performance ที่เพิ่มจะเปิดตัวไป มีความยาวที่มากกว่า BMW M3 Competition เพียง 18 มม. เท่านั้น สิ่งที่จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนก็คือ เรื่องของน้ำหนัก โดยแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นรถที่มาในพิกัดเดียวกัน แต่ด้วยพื้นฐานด้านเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ที่มาในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งต้องเพิ่มชิ้นส่วนและอุปกรณ์ในการขับเคลื่อน ทำให้ Mercedes-AMG C63 S E Performance ต้องแบกน้ำหนักที่มากกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
Mercedes-AMG C63 S E Performance | รายละเอียด | BMW M3 Competition |
| 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบไฟฟ้า + มอเตอร์ | พาวเวอร์เทรน | 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ |
| M139L | รหัสเครื่องยนต์ | S58 |
| 476 แรงม้า / 545 นิวตัน-เมตร | กำลังเครื่องยนต์ | 510 แรงม้า / 650 นิวตัน-เมตร |
| 204 แรงม้า | กำลังมอเตอร์ | – |
| 680 แรงม้า / 1,020 นิวตัน-เมตร | กำลังรวม | – |
| AMG SPEEDSHIFT MCT 9G | ระบบส่งกำลัง | M 8 Speed Step Tronic |
| 4Matic + | ระบบขับเคลื่อน | M xDrive |
| 8 รูปแบบ | โหมดการขับขี่ | Road, Sport, Track, M Mode |
| Drift Mode, EV Mode, ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง | ฟังค์ชั่นพิเศษ | M Drift, M Mode Function |
One Man One Engine by Mercedes-AMG
M BMW MPower
พูดถึงเรื่องความออริจินัลและอารมร์การขับขี่ในสไตล์ Old School ดูจากตารางนี้ BMW M3 Competition ดูจะยังคงอารมณ์เหล่านั้นได้แบบครบถ้วย ด้วยการยังคงเป็นรถสมรรถนะสูงที่อาศัยพละกำลังจากเครื่องยนตืแบบเพียงๆ ปราศจากการรบกวนของมอเตอร์ที่ช่วยเสริมกำลังในการขับเคลื่อน แต่หากวัดกันด้วย “ผลลัพท์” โดยตัดเรื่องของ “อารมณ์” ออกไป แน่นอนว่าเททคโนโลยีใหม่ๆ นั้น สามารถตอบโจทย์ได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ยึดติด แม้ว่า Mercedes-AMG C63 S E Performance จะมาพร้อมขุมพลังที่ลดขนาดลงเหลือเพียง 4 สูบ 2.0 ลิตร แต่ก็มีดีพอที่จะเค้นพลังออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการจับคู่กับเครื่องเคียงที่ใส่เทคโนโลยีชั้นสูงจากการแข่งขันระดับโลกอย่าง Formula 1 เข้าไป การนำระบบอัดอากาศ E-Turbo ที่ชุดมอเตอร์ช่วยปั่นสร้างความแรงในการหมุนได้ถึง 400 โวลต์ ทำให้เทอร์โบไฟฟ้าลูกนี้ ปั่นแรงม้า 476 ตัว จากเครื่องยนต์ในพิกัด 2.0 ลิตร ได้แบบสบายๆ จนได้ชื่อว่าเป็นเครื่องไซส์นี้ที่แรงที่สุดในโลก ไม่เพียงแค่นั้น เพราะ Mercedes-AMG C63 S E Performance ยังมาพร้อมชุดมอเตอร์ช่วยในการขับเคลื่อนที่ล้อหลัง ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องได้อีก 95 แรงม้า รวมถึงงัดเอาพลังขั้นสุดออกมาใช้ได้ได้ถึง 204 แรงม้า ในช่วงเวลา 10 วินาที ที่ต้องการทีเด้ดทีขาดในการเร่งความเร็ว
Mercedes-AMG C63 S E Performance Estate Wagon
BMW M3 Touring
ด้านระบบส่งกำลังของทั้ง มาในรูปแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Mercedes-AMG C63 S E Performance และ BMW M3 Competition ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเฉพาะตัว ส่งกำลังผ่านชุดเกียรน์ 9 และ 8 สปีด ที่มีสมรรถนะสูงสุดของค่ายตามลำดับ นอกจากนี้…สิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันก็คือ การขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อหลัง ในลักษณะ Drift Mode เพื่อให้ผุ้ขับขี่ ได้สัมผัสกับลีลาเร้าใจจากอาการพยศของตัวรถได้อย่างเต็มที่ ในด้านการทำความเร็ว ดูจากตัวเลขในสเป็คชีทแล้ว หลายๆ คนคงมองว่า Mercedes-AMG C63 S E Performance ซึ่งมีแรงม้าสูงกว่า (มาก) คงจะเป็นรถที่ทำอัตราเร่งได้ดีกว่ามากเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความแรงที่ต้องแบกน้ำหนักที่มากกว่า ย่อมส่งผลเสียในยามต้องการทีเด็ดทีขาดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะสำหรับการสร้างอัตราเร่งในช่วงสั้นๆ ที่ทั้ง Mercedes-AMG C63 S E Performance และ BMW M3 Competition ทำได้ใกล้เคียงกันมาก เช่นเดียวกับความเร็วสูงสุด ที่ทั้งคู่ (แม้จะปลดด้วยแพคเกจเสริมแล้ว) ก็ยังจะถูกล้อคไว้ในระดับความเร็วที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ Mercedes-AMG C63 S E Performance เหนือกว่าชัดเจน จากการใช้เททโนโลยีการขับเคลื่อนในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด พร้อมเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่า คือ อัตราสิ้นเปลือง รวมถึงการปล่อยมลพิษที่ต่ำกว่ามาก
ห้องโดยสารของ Mercedes-AMG C63 S E Performance
BMW M3 Touring กับห้องโดยสารรูปแบบใหม่ตามแบบฉบับของ BMW ยุค 2022
ตัวเลขสมรรถนะ
Mercedes-AMG C63 S E Performance | รายละเอียด | BMW M3 Competition |
| 3.4 วินาที | 0-100 กม/ชม. | 3.6 วินาที |
| 250 กม./ชม. (280 กม./ชม. AMG Driver’s Package) | ความเร็วสูงสุด | 250 กม./ชม. (290 M Driver’s Package) |
| 14.5 กม./ลิตร | อัตราสิ้นเปลือง | 10.1 กม./ลิตร |
| 11.7 kWh/100 กม. | การใช้พลังงาน | – |
| 156 กรัม/กม. | การปล่อยมลพิษ | 226 กรัม/กม. |
แม้ว่าดูจากสเป็คในภาพรวมแล้ว ทางฝั่ง Mercedes-AMG C63 S E Performance อาจดูจะได้เปรียบในเรื่องเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้อยู่เล็กน้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ความน่าเกรงขามของ BMW ในตระกูล M3 ทั้ง 2 รูปแบบ จะลดน้อยถอยลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างน้อยๆ ตัวแรงจากค่ายใบพัดสีฟ้า จะยังเป็นรถตระกูลแรงที่ใข้เครื่องบล็อคใหญ่ล้วนๆ โดยไม่ต้องพึ่งพามอเตอร์ไฟฟ้าให้เสียอรรถรสในสไตล์ดั้งเดิม อีกทั้งด้วยรอบการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของทั้งแบรนด์ Mercedes-AMG และ BMW นั้น เป็นที่รู้ว่า แต่ละแบรนด์พร้อมที่จะขยับขึ้นมาเป็นผู้นำในยุคของตัวเองได้อย่างไม่ขัดเขิน โดยในชั่วโมงนี้ เรื่องของเทรคโนโลยี อาจเป็นของฝั่งสตุ๊ดการ์ด แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า 2-3 ปี หลังจากนี้ โมเมนตัมอาจจะเปลี่ยนไปอยู่ทางฝั่งบาวาเรีย ซึ่งมื่อถึงเวลานั้น เราอาจได้ยินเสียงเฮดังๆ จากสาวกบีมเมอร์อย่างแน่นอน
