การแข่งขันรถสูตร 1 หรือ Formula 1 ผ่านไปแล้ว 2 สนาม ในฤดูกาล 2021 เป็นการขับเคี่ยวกันแบบแลกกันคนละหมัด สำหรับทีมชั้นนำอย่าง Mercedes-AMG Petronas F1 Team กับ Red Bull Racing Honda ซึ่งในสนามแรก Bahrain Grand Prix 2021 เป็น Lewis Hamilton ที่คว้าชัยไปได้ ส่วนคู่ปรับคนสำคัญ Max Verstappen ตามมาเป็นที่ 2 (ห่างแค่ 0.7 วินาที) พอมาถึงสนามถัดมาในรายการ Emilia Romagna 2021 ที่ประเทศอิตาลี กลับฝั่งเป็นทาง Max เข้าวิน และ Hamilton ตามมาเป็นที่ 2 (ซึ่งหากใครไม่มีโอกาสได้ชมสด สามารถชมบรรยากาศการแข่งขันและเหตุการณ์สำคัณจากทั้ง 2 เรซ ได้จากในคลิป) ส่งผลให้คะแนนสะสมประเภทบุคคล และทีมยังคงไม่ทิ้งห่างกันมากนัก ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ Formula 1 ฤดูกาลนี้…เราคงได้ลุ้นกันยาวๆ เลยทีเดียว
หลังจากจบการแข่งขัน Formula 1 ที่อิตาลี เพียงไม่กี่วัน ทางผู้จัดก็ประกาศว่าจะเพิ่มการแข่งขันอีกสนามในอเมริกา ต่อจากที่ Circuit of The Americas (Austin Circuit) โดยสังเวียนแห่งที่ 2 ของเมืองมะกันในฤดูกาล 2022 จะใช้พื้นที่บริเวณ Hard Rock Stadium complex ในไมอามี รัฐฟลอริด้า พร้อมกับใช้ชื่อการแข่งขันว่า Miami Grand Prix ซึ่งนี่ถือเป็นสังเวียนลำดับ 11 ที่อเมริกาเป็นเจ้าภาพ ตั้งแต่มีการแข่งขัน Formula 1
Circuit of The Americas สังเวียนขาประจำในเมืองมะกัน
สาเหตุที่ทางผู้จัดการแข่งขัน Formula 1 เลือกใช้พื้นที่ บริเวณ Hard Rock Stadium complex จัดการแข่งขัน คือ การต้องการสร้างส่วนร่วมกับผู้ชมด้วยแลนด์มาร์คแห่งใหม่ เฉกเช่นสนาม Albert Park ซึ่งเป็นพื้นที่แข่งขันชั่วคราว ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยสังเวียนการแข่งขัน Miami Grand Prix ออกแบบโดย Apex Circuit Design หลังจากที่ผ่านการออกแบบและทดลองโดยระบบจำลองกว่า 75 รูปแบบ ก็ได้ข้อสรุปออกมาที่ สนามแห่งนี้จะมีความยาวทั้งสิ้น 5.41 กม. กับ 19 โค้ง/รอบ มีทางตรงที่สามารถทำความเร็วสูงถึง 320 กม./ชม. (โดยความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 223 กม./ชม.) จุดแซงหลักๆ จะอยู่ในช่วงโค้ง 11 และโค้ง 17 ในโซนที่สามารถใช้ DRS (โค้ง 1 ก็พอแซงได้ แต่อาจจะแซงได้ยากกว่า)
เลย์เอาท์การแข่งขัน Formula 1 ในรายการ Miami Grand Prix
สิ่งที่น่าสนใจในความเป็นสตรีทเซอร์กิต Hard Rock Stadium complex ก็คือ การรวมเอาความเร็วกับแรงดึงดูดจากสิ่งปลูกสร้างบริเวณนั้นเข้าไวด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งนอกจากแทร็กที่ใช้สำหรับการแข่งขันแล้ว ที่นี่ยังพร้อมให้ความรู้สึกที่อาจจะไม่สามารถหาได้จากที่ไหน นั่นก็คือ กระเช้า Cable Car ที่ลอยวนอยู่รอบๆ สนาม ที่สามารถชมการแข่งขันจากมุมสูง ซึ่งจะมองเห็นได้ในมุมกว้างกว่าการรับชมในบริเวณอื่นๆ
พื้นที่จัดการแข่งขันบริเวณ Hard Rock Stadium complex
Cable Car พร้อมให้สัมผัสความมันส์ในมุมที่หลากหลาย
นอกจากในเรื่องการแข่งขันแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะได้จากการจัดการแข่งขัน Miami Grand Prix ก็คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะมีเงินหมุนเวียนในช่วงจัดการแข่งขันกว่า 400 ล้านเหรียญฯ และมีการจ้างงานสูงถึง 4,000 ตำแหน่ง มีการจองที่พัก โรงแรมมากกว่า 35,000 แห่ง นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นบัตรเข้าชมราคาพิเศษ สำหรับผู้ที่อาศัยในย่าน Miami Garden รวมถึงการให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมกับการแข่งขันอีกด้วย
ขอขอบคุณคลิปจาก Formula 1, ข้อมูลและภาพจาก carscoops
