ในปัจจุบัน…มีผู้ใช้รถที่หันมาเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV มาเป็นพาหนะคันเก่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การท่องเที่ยวพักผ่อนในระยะทางไกลๆ ซึ่งต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ จุดชาร์จไฟจากแบรนด์ต่างๆ ถูกวางกระจายอย่างทั่วถึงในจุดต่างๆ ค่อนข้างที่จะครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีปริมาณที่เพียงพอสำหรับประชากร รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ที่ถูกนำมาใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน (โดยส่วนใหญ่นิยมชาร์จกันจากที่บ้านอยู่แล้ว) ซึ่งก็เชื่อว่า ในอนาคต จะมีการขยายเครือข่ายจุดชาร์จไฟสำหรับ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV จากบรรดาผู้ให้บริการจากค่ายต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างที่หลายๆ ท่านทราบกันดีอยู่แล้ว การชาร์จไฟสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ที่ให้มีประสิทธิผลและมีค่าใช้จ่ายในการชาร์จต่อครั้งต่ำที่สุด คือ การชาร์จภายในบ้านในช่วงเวลา Off Peak (สำหรับบ้านที่มีการติดตั้งมิเตอร์ไฟแบบ Time of use หรือ TOU) หรือช่วงเวลาหลัง 22.00 – 9.00 น. สำหรับวันทำงาน รวมถึงตลอดวันสำหรับเสารน์ – อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ โดยจะมีค่าใช้จ่ายในการชาร์จอยู่ที่ราว 2.6x บาท ต่อหน่วย (kW) ส่วนการชาร์จในช่วงเวลา On Peak นั้น โดยทั่วไปจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 5.7x บาท ต่อหน่วย ซี่งก็ยังนับว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าการออกไปชาร์จนอกบ้านอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่หากต้องยอมรับว่า การชาร์จไฟบ้านด้วยไฟกระแสตรง (AC) นั้น ความแรงในการชาร์จส่วนใหญ่จะอยู่ที่ไม่เกิน 22 kW ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการชาร์จที่นานกว่าการชาร์จด้วยไฟกระแสตรง (DC)
เลือกจุดชาร์จ “นอกบ้าน” ให้ถูกที่…ประหยัดได้อีกเยอะ !
แต่ก็ใช่ว่าทุกคน หรือทุกครั้งของการใช้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ที่จะสามารถชาร์จที่บ้านได้ในช่วงเวลา Off Peak ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด เนื่องจากในบางครั้งเราต้องเดินทางไกลๆ ซึ่งอาจเกินระยะของตัวรถที่จะสามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จึงจำเป็นจะต้องมีการแวะชาร์จไฟในจุดที่เหมาะสม ซึ่งในจุดชาร์จเหล่านี้ แต่ละผู้ให้บริการ จะมีการกำหนดอัตราค่าไฟที่แตกต่างกันออกไป และเพื่อให้ผู้ใช้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ได้เปรียบเทียบข้อมูลสำหรับการเลือกจุดชาร์จไฟ ในโอกาสนี้ #ทีมขับซ่า จึงรวบรวมจุดชาร์จไฟที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน พร้อมระดับราคาต่อหน่วย ของแต่ละผู้ให้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถคำนวนค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า ในการชาร์จไฟได้แบบคร่าวๆ ดังนี้
ผู้ให้บริการจุดชาร์จไฟสำหรับรถ EV
หากเน้นการชาร์จแบบเลือกเวลา ผู้ให้บริการอย่าง EV Station และ PEA Volta ดูจะราคาเป็นมิตรกว่าเพื่อน
จากข้อมูลในตาราง…ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง หากคุณเป็นคนที่ชอบเดินทางด้วย รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ในเวลากลางคืน หรือในช่วงวันหยุด จะพบว่า มีอยู่ 2 ผู้ให้บริการ ที่คิดค่าใช้จ่ายตามช่วงเวลา Time of Use นั่นคือ EV Station และ PEA Volta ซึ่งคิดในอัตราเดียวกันที่ 4.5 บาท ต่อหน่วย นั่นหมายความว่า หากคุณต้องการชาร์จไฟในปริมาณ 50 kW คุณจะเสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 225 บาท เท่านั้น โดยสิ่งที่เป็นข้อได้เปรียบของ EV Station กำลังไฟในการชาร์จที่สูงถึง 160 kW ซึ่งหากคุณใช้รถที่มีความสามารถในการรองรับการชาร์จที่สูงขึ้น ก็จะช่วยให้การชาร์จทำได้เร็วมากขึ้นตามไปด้วย ต่างกับ PEA Volta ที่จ่ายกำลังไฟสูงสุดเพียง 50 kW อันเป็นความเร็วในการชาร์จมาตรฐานสำหรับการชาร์จแบบ DC Charge
มีเยอะ และราคาต่ำที่สุดแบบไม่เกี่ยงเวลา EA Anywhere คือ ตอบโจทย์
Evolt เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม เช่น โรงแรม ศูนย์สรรพสินค้า สถานที่ชั้นนำ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากกว่าแค่ชาร์จไฟ
ส่วนหากต้องการใช้บริการจุดชาร์จแบบไม่เกี่ยงเวลา ไม่เลือกสถานที่ ผู้ให้บริการอย่าง EA Anywhere ดูจะเป็นรายที่มีความทั่วถึง ในราคาที่เป็นมิตรมากที่สุด โดยค่าใช้จ่ายต่อหน่วยอยู่ที่ 6.5 บาท ชาร์จไฟ 50 kW จะเสียค่าไฟทั้งสิ้น 325 บาท (สูงกว่าการชาร์จที่ EV Station และ PEA Volta ในช่วง Off Peak หรือวันหยุดถึง 100 บาท ในปริมาณไฟที่เท่ากัน) โดย EA Anywhere มีความสามารถในการจ่ายไฟสูงที่สุดอยู่ที่ 150 kW ส่วนจุดชาร์จไฟที่รองรับลูกค้าในกลุ่มรถพรีเมี่ยมเป็นหลักอย่าง Evolt จะมีราคาอยู่ที่ 8-10 บาท ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้ต่อการชาร์จไฟปริมาณ 50 kW ราว 4-500 บาท ต่อครั้ง
ไฟแรง หาง่าย โดยเฉพาะในเส้นทางต่างจังหวัด คงต้องยกให้ Elexa
