ณ ปัจจุบันที่ยังคงเข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่ายจากรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ไปเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ที่เริ่มได้รับความนิยมในวงกว้างมากขึ้น ด้วยระดับราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก่อน ภายใต้มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่ก็แน่นอนว่า…อาจไม่ใช้ทุกคนที่มีไลฟ์สไตล์เหมาะสมกับการใช้งาน รถ EV อีกทั้งยังไม่สามารถรอคิวการส่งมอบที่ต้องรอกันยาวนานกว่า 6 เดือน – 1 ปี นั่นจึงทำให้รถยนต์ในรูปแบบไฮบริดในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน กลับมาได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก ยิ่งในปัจจุบัน…มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในรูปแบบไฮบริดออกมามากมาย โดยเฉพาะในกลุ่ม SUV B-Segment ที่แทบจะกลายเป็นรถไฮบริดไปแล้ว เกือบจะทุกยี่ห้อ (ยกเว้นแค่ Mazda และ Subaru ที่แต่ละแบรนด์มีจุดขายของตัวเอง มากกว่าความเป็นรถไฮบริดที่เน้นประหยัด)
ด้วยช่วงรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนถ่ายนี้เอง อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความสงสัยว่า หากจะซื้อรถมาใช้งานสักคัน ในระยะเวลาประมาณ 5 ปี เทียบระหว่าง รถ EV กับ รถไฮบริด อันที่จริงแล้ว…คันไหนให้ความคุ้มค่าได้มากกว่ากัน งานนี้ #ทีมขับซ่า จึงขอนำข้อมูลมาเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพ ระหว่างส่วนต่างราคา ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รวมถึงค่าเซอร์วิสตลอดช่วงการใช้งาน ระหว่าง รถ EV กับ รถไฮบริด โดยขอยกตัวอย่างรถที่กำลังเป็นกระแสอย่าง Ora Good Cat GT และ Nissan Kicks e-Power Autech ซึ่งทั้งคู่เป็นรถที่มีสมรรถนะสูง สิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันเช่นเดียวกัน ในแง่การใช้งาน ถือว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกว่ากันมากนัก
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่าง Ora Good Cat GT และ Nissan Kicks e-Power Autech สำหรับการใช้งาน 5 ปี
Ora Good Cat GT | รายละเอียด | Nissan Kicks e-Power Autech |
17.9 kWh/100 กม. | อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (Eco Sticker) | 23.8 กม./ลิตร |
4.21 บาท/kWh | ราคาเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย | 38 บาท/ลิตร |
0.75 บาท | ค่าใช้จ่ายต่อ 1 กม. | 1.60 บาท |
75,000 บาท | ค่าใช้จ่ายต่อ 100,000 กม. (หรือ 5 ปี) | 160,000 บาท |
– | ส่วนต่างค่าเชื้อเพลิง | + 85,000 บาท |
หลายๆ คนอาจมองว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยในความแตกต่างระหว่าง รถ EV กับ รถไฮบริด มากที่สุด คือ ส่วนต่างด้านราคาเชื้อเพลิง ซึ่งก็เป็นความเข้าใจที่ “ไม่ผิด” แต่ (อาจ) ไม่ใช่ที่สุดในทุกกรณี (เช่น การเปรียบเทียบในคู่นี้) โดยหากเทียบอัตราสิ้นเปลือง กับราคาต่อหน่วยของเชื้อเพลิงแล้ว รถ EV ยังให้ความคุ้มค่าได้มากกว่า โดยหากวิ่งใช้งานตลอด 5 ปี เป็นระยะทางเฉลี่ย 100,000 กม. Nissan Kicks e-Power Autech จะต้องเสียค่าเชื้อเพลิงมากกว่า Ora Good Cat GT อยู่ราว 85,000 บาท
ค่าใช้จ่ายในการเซอร์วิสระหว่าง Ora Good Cat GT และ Nissan Kicks e-Power Autech สำหรับการใช้งาน 5 ปี
Ora Good Cat GT | รายละเอียด | Nissan Kicks e-Power Autech |
9,027 บาท | ค่าเซอร์วิสต่อ 100,000 กม. | 19,660 บาท |
– | ส่วนต่างค่าเซอร์วิส | + 10,633 บาท |
ความได้เปรียบอีกข้อของรถ EV ก็คือ ความต้องการการดูแลรักษาที่ต่ำ นั่นจึงทำให้ Ora Good Cat GT มีค่าเซอร์วิสที่ต่ำกว่า Nissan Kicks e-Power หากเทียบระยะการใช้งานเดียวกัน โดยรวมแล้วในระยะและเวลาที่วางไว้ Ora Good Cat GT ยังคงได้เปรียบกว่า 10,633 บาท
ส่วนต่างราคาระหว่าง Ora Good Cat GT และ Nissan Kicks e-Power Autech
Ora Good Cat GT | รายละเอียด | Nissan Kicks e-Power Autech |
1,286,000 บาท | ราคา | 949,000 บาท |
+ 337,000 บาท | ส่วนต่างราคา | – |
จากในตารางแรก…ส่วนต่างที่มีผลต่อ “ความคุ้มค่า” ของรถคู่นี้มากที่สุด นอกจากเรื่องความต่างด้านราคาเชื้อเพลิงแล้ว ความต่างด้านราคา ถือว่ามีผลเหนือสิ่งอื่นใด โดย Ora Good Cat GT และ Nissan Kicks e-Power Autech นั้น มีส่วนต่างราคาที่มากถึง 337,000 บาท ด้วยเงื่อนไขความสุดโต่งในการตั้งราคาของทั้ง 2 แบรนด์ แต่หากเปลี่ยนจาก Nissan Kicks e-Power Autech เป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดไม่แพ้กัน และเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดอย่าง Honda HR-V e:HEV RS ที่ราคา 1,179,000 บาท ยังมีส่วนต่างถึง 107,000 บาท ซึ่งเป็นส่วนต่างที่ครอบคลุมทั้งค่าเชื้อเพลิงและค่าเซอร์วิสตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กม. อีกด้วย
รวมทุกส่วนต่างระหว่าง Ora Good Cat GT และ Nissan Kicks e-Power Autech สำหรับการใช้งาน 5 ปี
Ora Good Cat GT | รายละเอียด | Nissan Kicks e-Power Autech |
– | ส่วนต่างค่าเชื้อเพลิง | + 85,000 บาท |
– | ส่วนต่างค่าเซอร์วิส | + 10,633 บาท |
+ 337,000 บาท | ส่วนต่างราคา | – |
+ 241,000 บาท | รวมส่วนต่างกับการใช้งาน 5 ปี | – 241,000 บาท |
เมื่อเทียบราคาและค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่าง Ora Good Cat GT และ Nissan Kicks e-Power Autech หลังการใช้งาน 5 ปี หรือ 100,000 กม. จะพบว่า ความคุ้มค่าในการใช้งานของคู่นี้…มีส่วนต่างกันมากถึง 241,000 บาท ซึ่งนี่ยังไม่รวมไปถึงสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น ความคุ้มค่าในการขายต่อ (ถ้าเทียบกับ HR-V คงยิ่งเห็นชัด) หรือปัญหาจุกจิกกวนใจที่อาจเกิดขึ้นได้ภายใน 5 ปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…สุดท้าย “รถอะไรก็ดีทั้งนั้น” หากเลือกใช้ได้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานและความต้องการของตัวคุณเอง ซึ่งในภาพรวมอาจจะ “ดีกว่า” รถที่มีความคุ้มค่า…แต่ไม่ถูกใจ และไม่ตอบโจทย์ในการใช้งานก็เป็นได้
………………………………