เทียบชัด BYD Dolphin ! จ่ายเพิ่ม 1.6 แสนบาท ไปรุ่น Extended Range ชีวิตดีกว่า…ประมาณไหน ?

BYD Dolphin เปิดราคาอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งในรุ่น Standard Range และ Extended Range ซึ่งในส่วนของราคาที่เปิดตัวมานั้น ถือว่าเป็นไปตามคาด โดยมีการปรับลดลงจากราคาที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกถึง 1 แสนบาท เริ่มต้นที่ 699,999 บาท สำหรับรุ่น Standard Rang ทำเอาคนที่กำลังสนใจอยู่ ต่างมองกัน “ตาเป็นมัน” โดยหากใครที่ต้องการ “ความไม่ธรรมดา” ที่มากกว่า ทางค่ายยังจัดรุ่น Extended Range สเป็คโหด มาให้เป็นทางเลือก โดยเติมงบเพียง 1.6 แสนบาท ซึ่ง #ทีมขับซ่า จะพามาไล่ดูว่า ส่วนต่างตรงนี้…ได้อะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง ?

ภายนอก

สิ่งแรกที่เพิ่มขึ้นมาชัดๆ แบบไม่ต้องใช้สกิลในการจับผิด คือ สีตัวถัง ซึ่งในรุ่นสแตนดาร์ด จะมาในรูปแบบ Mono Tone สีตัวถังกับสีหลังคา เป็นสีเดียวกัน ส่วนในรุ่น Extended Range จะมาพร้อมสีตัวถังแบบ Two Tone ซึ่งมีให้เลือกถึง 4 คู่สี โดยหากมองลึกในรายละเอียดจะพบว่า ด้านบนหลังคาจะมาพร้อมพาโนรามิคซันรูฟ ที่ควบคุมการปิด-เปิดด้วยไฟฟ้า ด้านล้อที่ให้มาในรุ่น Extended Range ถูกขยับไซส์เป็น 17 นิ้ว พร้อมยางที่มีหน้ากว้าง 205/50 R17 ได้มาทั้งเรื่องภาพลักษณ์ และยกระดับสมรรถนะให้สูงขึ้น ตามพละกำลังของมอเตอร์ที่มีขนาดต่างกันในหัวข้อต่อไป

ระดับพละกำลัง

ช่วงล่างแบบ Torsion Beam สำหรับรุ่น Standard Range

ช่วงล่างแบบ Multi Link ในรุ่น Extended Range

BYD Dolphin รุ่น Standard Range ที่หลายคนบ่นว่า “กำลังน้อย”

จนรู้สึกไม่เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากลองเทียบอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. กับรถในกลุ่ม City Car ทั้งหมด เป็นรองเพียง Honda City 1.0 Turbo และ 1.5 e:HEV เท่านั้น โดยสิ่งที่จะได้เพิ่มขึ้นมา หากเติมงบ 1.6 แสนบาท ในรุ่น Extended Range ก็คือ กำลังของมอเตอร์ ที่จะขยับขึ้นไปมากกว่า 200 แรงม้า พร้อมแรงบิด 310 นิวตัน-เมตร (เป็นสเป็คมอเตอรืเดียวกับ BYD Atto 3) สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเฉลี่ยเพียง 7.0 วินาที (ส่วนรุ่น Standard Range ใช้เวลา 12.3 วินาที) และที่สำคัญไปกว่านั้น คือ ความแตกต่างของเซ็ตช่วงล่างด้านหลัง ที่ในรุ่น Standard Range จะมาพร้อมช่วงล่างแบบคานแข็ง หรือ Torsion Beam แต่สำหรับรุ่น Extended Range จะใช้ช่วงล่างหลังในรูปแบบอิสระ หรือ Multi Link ซึ่งจะให้ความนุ่มนวนในการขับขี่ รวมถึงประสิทธิภาพการทรงตัวที่ดีกว่าอย่างรู้สึกได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ช่วงล่าง Torsion Beam ในรุ่น Standard Range จะเป็นจุดอ่อน เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมคลาสทั้งตลาด

แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่า รองรับการเดินทางต่อชาร์จได้เพิ่มขึ้นราว 87 กม. สำหรับรุ่น Extended Range

ความจุแบตเตอรี่

สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนมักจะคาดหวัง เวลาที่จะเลือกซื้อรถ EV สักคัน ก็คือ ระยะการเดินทางต่อชาร์จ ซึ่งการเลือกจ่ายส่วนต่าง 1.6 แสนบาท สำหรับ BYD Dolphin รุ่น Extended Range สิ่งที่จะได้มาก็คือ ความจุแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเป็น 60.4 kWh อันเป็นที่มาของระยะการเดินทาง 427 กม. ต่อชาร์จ หากเทียบตามาตรฐาน WLTP ซึ่งมากกว่าในรุ่น Standard Range ถึง 87 กม. เมื่อเทียบกับลักษณะการขับขี่ในรูปแบบเดียวกัน โดยแม้ว่าจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า แต่เพื่อให้คุณสมบัติในการใช้งานที่ไม่แตกต่างกันมากนัก BYD Dolphin รุ่น Extended Range ยังมาพร้อมความสามารถในการรองรับการชาร์จแบบ Quick Charge ที่เพิ่มขึ้นเป็น 80 kW (ในรุ่น Standard Range รองรับที่ 60 kW) นั่นจึงทำให้การชาร์จจาก 10-80% ของทั้ง 2 รุ่น ใช้เวลาใกล้เคียงกันมาก

BYD Dolphin รุ่น Extended Range มาพร้อมเบาะนั่งแบบปรับไฟฟ้า + ระบบระบายอากาศ และ Wireless Charger

ออพชั่น

BYD Dolphin ทั้ง 2 รุ่น มีสิ่งที่เหนือกว่าทุกคันในกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 7 แสนบาท คือ ออพชั่นความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวก ที่จัดเต็มมาให้ตั้งแต่รุ่นเริ่ม ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS), หน้าจอแสดงข้อมูลและหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 12.8 นิ้ว, เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตที่เลือกใข้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมการตัดเย็บที่ให้ความรู้สึก “มีคลาส” โดยความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 รุ่น มีเพียงแค่ในรุ่น Extended Range จะเพิ่ม เบาะนั่งแบบปรับไฟฟ้า 6 และ 4 ทิศทาง ในด้านหน้า (รุ่น Standard Range เป็นแบบปรับมือ) รวมถึงเพิ่มระบบระบายอากาศที่เบาะ เพื่อความสบายขณะเดินทาง นอกจากนี้ ในรุ่น Extended Range ยังรองรับการชาร์จสมาร์ทโฟนแบบ Wireless Charger อีกด้วย

คันไหนก็ได้…ถ้าส่วนต่าง 1.6 แสนบาท กับสิ่งที่ได้เพิ่มมา มีของที่เป็นคำตอบในใจอยู่แล้ว

ราคา

ทั้งหมด คือ ภาพรวมของความแตกต่างใน BYD Dolphin ทั้ง Standard Range และ Extended Range ซึ่งจะว่าไปแล้ว ในแต่ละรุ่น ถือว่า “มีความคุ้มค่าในตัวเอง” โดยหากไม่ซีเรียสเรื่องสมรรถนะและสัมผัสคุณภาพระดับสูงสุดขณะขับขี่ รุ่น Standard Range ก็ให้หลายๆ อย่าง ทั้งออพชั่น รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบถ้วนเป็นทุนเดิม ในระดับที่ไม่สามารถหาได้จากรถในงบเดียวกันนี้ ส่วนสำหรับรุ่น Extended Range แม้ราคาจะขยับเพิ่มขึ้นไปอีก 1.6 แสนบาท แต่สิ่งที่ได้มา ไม่ว่าจะเป็น สีทูโทน, หลังคาพาโนรามิค, ล้อ 17 นิ้ว, มอเตอร์สเป็คแรง, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รวมถึงฟังค์ชั่นปรับเบาะที่ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ก็นับว่า “มีมูลค่าเกินจะจ่ายเพิ่มได้” หากซื้อรุ่นสแตนดาร์ดแล้วอยากอัพสเป็คให้เป็นแบบเดียวกันนี้ ส่วนใครวางแพลนจะจัดรุ่นไหน สุดท้ายอยู่ที่คุณแล้ว ว่าส่วนต่าง 1.6 แสนบาท กับสิ่งที่ได้มานั้น…เป็นสิ่งที่ต้องการ หรือไม่ต้องการมากน้อยขนาดไหน ?

BYD Dolphin Extended Range ตารางเทียบอัตราเร่ง รถEV ในงบ +- 1 ล้านบาท…ขึ้นเบอร์ 1 ไหวไหม ?