Cr ภาพ www.facebook.com
Cr ภาพ www.classicdriver.com
ผมชื่อเดียว เป็นอาของ “ปล้อน” เขาจึงเรียกผมว่า “อาเดียว” ชื่อจริงของผมคือภูษิต โลกานุเคราะห์ เป็นคนจังหวัดพระนครโดยกำเนิด(สมัยนั้นยังไม่มี กทม. กรุงเทพยังเป็นจังหวัดพระนคร) ผมเริ่มมาบ้ารถครั้งแรกตอนคุณพ่อซื้อ BMW 1602 มาแทน SAAB 2 จังหวะ มันเป็นรถ 2 ประตูที่สวยมาก สีเปลือกมังคุด ราคาหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท นั่นคือย้อนไปสมัยเรียน ป.6 ราวปี 2513 ออกมาเป็นตัวบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ของ BMW 1600 ที่ออกมาก่อนหน้า พ่อของผมชอบมันมาก เพราะเครื่องใหญ่กว่า SAAB ตัวเดิม คือเป็น OHC ขนาด 1,600 cc.(สุทธิ 1,573 cc.) ทันสมัยมากยุคนั้น ได้มา 85 ม้าเยอรมันที่ 5,700 rpm. แรงบิด 130 N-m ที่ 3,500 rpm. แค่นี้ก็วิ่งฉิวไม่กลัวใคร ยกเว้นตอนไปเจอ ALFA ROMEO 1600 GT Junior ของน้าขวัญน้องแม่ ที่ทิ้งเจ้า BMW 1602 คันนี้ ห่างออกไปเรื่อยๆตอนพวกเรายกขบวนไปกินกุ้งเต้นปทุม เมื่อห้าสิบปีก่อน สมัยที่เส้นทางยังเป็นสองเลนราดยางลัดเลาะไปตามสวนผลไม้ครึ้ม คนละโลกกับยุคนี้!!
ว่ากันจริงๆแล้ว ถ้าช่วงนั้น BMW เขานำตัว Ti เข้ามาขาย พ่อคงไม่โดน “น้าขวัญ” ทิ้งเป็นทุ่งแบบนี้ เพราะ SOLEX PHH คู่ของเยอรมัน กำลังอัดที่เพิ่มเป็น 9.5:1 กับ 105 ม้าเยอรมัน แม้จะน้อยกว่า ALFA ถึง 6 ตัว แต่ยวงช่วงล่างหลังอิสระเซมิเทรลลิ่งอาร์มของ BMW มันล้ำหน้ากว่าเพลาแข็งสวิงอาร์มของ ALFA ไปพอสมควร อ้อ..ลืมบอกไป บล็อค OHC ของ BMW รุ่นนี้มีนามว่า “M10” ..ซึ่งจะกล่าวว่าเป็นพ่อพันธุ์ของ BIMMER สืบทอดสมรรถนะมาจนทุกวันนี้ก็น่าจะได้ ยุคนั้นจำได้ว่ามีตัว BMW 1502 ออกมาขายด้วย ทั้งๆที่เป็นเครื่อง 1,600 cc. เหมือนกัน แปลกดี !!
เกร็ดความทรงจำกับรุ่นพี่ 2002
Cr ภาพ www.car-from-uk.com
อันตัว 1602 ที่คุยมาหนึ่งย่อหน้านี้ นับว่าพ่อใจร้อนซื้อไปหน่อย เพราะอีกสองปีต่อมา BMW ได้ออกตัว 2002 ขายในบ้านเรา แต่ถึงอย่างไรพ่อก็คงไม่มีปัญญาซื้อ เพราะค่าตัวของมันคราวนี้พุ่งไปเกินสองแสน !! รูปลักษณ์ภายนอกไม่ต่างจากเดิม แต่ที่ได้มาสะใจคือเครื่อง 2,000 cc.(สุทธิ 1,990 cc.) 100 แรงม้าในบล็อค M10 เช่นกัน ซ่าไม่กลัวใคร ยกเว้นไปเจอ ALFA ตัวเดิมที่แม้จะเป็นเครื่อง 1,600 แต่บรรจุมา 106 ม้ายุโรปในหน่วย DIN ส่วนถ้าเจ้าของ BIMMER ไม่ดูตาม้าตาเรือ ทะเล่อทะล่าไปปะทะกับ ALFA 2000 GTVeloce คราวนี้ก็จะโดน “ทิ้งเป็นทุ่ง” เพราะม้าอิตาเลี่ยน 130 ตัวนั้นมันชอบหาเรื่อง “แดก” รถเยอรมัน(ยุคโน้น) อยู่เป็นประจำ !!
2002 กับตัวแข่งบ้านเราสี่สิบห้าปีก่อน
สมัยนั้นพวกพี่ๆของเดียวที่กลับจากอเมริกา ชอบเอา 2002 มาแต่ง ทั้งทำเอามันส์และลงแข่งเล่นประสาคนรวย อย่างพี่คุณากร ศุภวัฒน์ทายาทบุญผ่อง พี่ชวาลา สุวรรณชีพทายาทสถานบริการชวาลา ก็ได้ปราบซ่า ALFA หงอยไปทั้งฝูงเหมือนกัน เพราะชุดแต่ง ALPINA ที่หิ้วเข้ามานั้น มันเรียกเบาะๆ 165-170 แรงม้าแบบไม่เค้นไม่เครียดแก่บล็อค M10 แต่อย่างใด เอาแค่ชุด แค็ม 300 องศา ขยายวาล์วไอดีเป็น 46 มม. วาล์วไอเสียเป็น 39 มม. จากคิทชุด A3 เอาลูกสูบถ้าไม่เลือก MAHLE ก็ต้อง KS อัดซัก 10.5:1 ใส่ WEBER 45 DCOE หรือ DELLORTO 45 DHLA สมัยนั้นเล่นกันแค่นี้ถือว่าพอเพียงแล้วสำหรับ BMW 2002 กับงานเซอร์กิต เต็มที่ก็ไปสุดประมาณวาล์วไอดี 47 มม. แค็ม 324 องศากับ WEBER 48 DCOE ไม่ต้องบ้าถึงกับเอาชุดหัวฉีดสไลด์ ระบบหล่อลื่นดรายซั้มป์มาใส่ ให้ปวดกบาลช่างบ้านเราช่วง พศ. นั้น แม้ใจเจ้าของจะอยากได้ 220-230 แรงม้าก็ตาม ..
Cr ภาพ swww.bmw2002faq.com
นี่คือความทรงจำ “ด้นสด” ที่ “เดียว” อาของ “ปล้อน” พอจำได้ ครั้งหน้าจะเข้าเรื่องไฮเทคทันสมัยคือ BMW ยุคพลังไฟฟ้าเต็มตัว(Full Electric Vehicle) ซึ่งเดียวไม่ถนัด คงโยนไม้ให้ปล้อนมาว่าต่อ เรื่อง “BMW 1602 ต้นกำเนิด BIMMER i พลังไฟฟ้าจริงหรีอ??” ติดตามนะคร๊าบ….
Cr ภาพ www.blockdit.com
ด้วยรักสลักจิต
จาก เดียว(ภูษิต โลกานุเคราะห์)
