แม้จะยังคงเป็นแบรนด์รถยนต์เบอร์ต้นๆ ของโลก แต่อย่างที่หลายๆ คนรู้กันดีว่า ในช่วง 3-5 ปี ที่ผ่านมา แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง Toyota ถูกลดบทบาทลงมาอย่างมาก ด้วยแนวทางการพัฒนารถยนต์ของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การมาของรถ EV ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้ยอดขายของ Toyota ที่ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์ในรูปแบบอื่นๆ เป็นหลัก ดูจะยังเป็นรองแบรนด์รถยนต์น้องใหม่จากประเทศจีน รวมถึงแบรนด์ชั้นนำในยุโรปและอเมริกา ที่ล้วนแซงหน้าจนสาวกของค่ายสามห่วงหลายคนเกิดความวิตก
ยอดขายรถ EV ของ Toyota มีเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับยอดขายรวมของแบรนด์
แม้ว่า Toyota จะเป็นแบรนด์ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์สำหรับขับเคลื่อนมากว่า 2 ทศวรรษ แต่ที่ผ่านมา แนวทางหลักในการพัฒนาของทางค่าย ยังคงอยู่ที่รถในรูปแบบไฮบริด นั่นจึงทำให้แบรนด์น้องใหม่จากประเทศจีน, Tesla รวมถึงแบรนด์อื่นๆ ในฝั่งยุโรป ทั้ง Volkswagen และ BMW Group แซงหน้าในวงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนไปอย่างรวดเร็ว โดยในปีที่ผ่านมา Toyota มียอดการส่งมอบรถยนต์ในรูปแบบ BEV เพียง 22,300 คัน ทั่วโลก (คิดเป็นเพียง 0.2% จากยอดขายรวมทุกประเภทที่ 10.48 ล้านคัน) และครองอันดับที่ 29 ของแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่ทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนในปีที่ผ่านมา
ด้วยทางเลือกที่ไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้
ในปีที่ผ่านมา Toyota ทำตลาดรถในกลุ่ม BEV SUV (กลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด) เพียง 3 รุ่น คือ Toyota bZ4X, Lexus RZ450e และ UX300e โดยมีรถตู้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ Toyota Proace ร่วมด้วยอีก 1 รุ่น หากเทียบกับคู่แข่งอย่าง BYD ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถในรูปแบบ BEV ที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีการทำตลาดรถในรุปแบบเดียวกันถึง 13 รุ่น (ยังไม่รวมรถเพื่อการพาณิชย์) ส่วนทางฝั่ง BMW Group มีการทำถึง 8 รุ่น ไม่เว้นแม้แต่ฝั่ง Stellantis (Peugeot, Jeep) ที่มีความหลากหลายด้วยผลิตภัณฑ์ในรูปแบบส่วนบุคคลถึง 9 รุ่น และมีรถเพื่อการพาณิชย์ทำตลาดมากถึง 15 รุ่น
แม้จะไม่ใช่เบอร์ 1 ณ ปัจจุบัน แต่เป็นแบรนด์ที่มีส่วนร่วมในวงการ HEV มากว่า 2 ทศวรรษ
Toyota ถือเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสต์ที่ยิ่งใหญ่ในวงการรถ HEV โดยเมื่อ 25 ปีก่อน (ค.ศ. 1997) Toyota Prius ถือเป็นรถในรูปแบบไฮบริดที่มียอดการผลิตสูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ทางค่ายตั้งไว้ตั้งแต่ปี 1992 ว่าจะเป็นแบรนด์ที่มีการปล่อยมลพิษต่ำ จากวันนั้นถึงวันนี้ Toyota Prius ทำตลาดมาแล้วใน 4 เจนเนอเรชั่น ซึ่งสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 5.05 ล้านคัน (ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 1997 – กันยายน 2022) ในภาพรวม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้นำในวงการรถ BEV แต่ก็ถือว่า Toyota เป็นแบรนด์ที่คร่ำหวอดในวงการรถ HEV มาอย่างยาวนานกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่เริ่มจะมาทำตลาดจริงจังในยุคหลัง
เทคโนโลยีล้วนสร้างได้ แต่ความเชื่อถือ…ต้องใช้เวลา
แม้ดูจะล้าหลังแบรนด์อื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่า Toyota จะทำได้ดีกว่าแบรนด์อื่นๆ ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนาน คือ ความเข้าใจในความต้องการของตลาด แม้ว่าแบรนด์ Toyota จะไม่โดดเด่นในวงการรถ BEV แต่ ณ ปัจจุบัน ทางค่ายก็ยังคงพิสูจน์ให้เห็นว่า การมีตัวเลือกที่หลากหลาย ในเซ็กเม้นท์ต่างๆ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค สามารถเลือกซื้อรถยนต์ที่เหมาะสมกับตัวเองได้มากที่สุด โดยหากเทียบความต้องการของตลาดแล้ว Toyota ยังคงเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจของผู้ใช้รถฝั่งอัฟฟริกา, ญี่ปุ่น, เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงโซนโอเชเนีย (ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์) และยังคงเป็นแบรนด์ต่างชาติอันดับหนึ่ง ที่อเมริกันชนให้ความสนใจมากที่สุด, เป็นแบรนด์อันดับที่ 2 ในประเทศจีน (ไม่นับรวมแบรนด์ในประเทศ) เป็นแบรนด์อันดับที่ 3 ในละตินอเมริกา และเป็นอันดับ 5 ในยุโรป ด้วยความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
ในภาพรวมของตลาดยานยนต์ในอนาคต Toyota ยังถือเป็นแบรนด์ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ หลังจากที่ทางค่ายประกาศแผนในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เราคงต้องจับตาดูกันแล้วว่า เทคโนโลยีใหม่ในวงการรถ BEV ของ Toyota ที่แพลนว่าสามารถวิ่งได้กว่า 900 กม. ต่อชาร์จ ภายในปี 2026 และกว่า 1,400 กม. ต่อชาร์จ ในปี 2028 จะเป็นจริงได้อย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ? ซึ่งหากทำได้จริง…นั่นจะเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแบรนด์ Toyota อย่างแน่นอน !
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Motor 1