ข่าวดีสำหรับสาวก Nissan GT-R เจ้าของค่าตัวระดับ 38 ล้านบาท !!! (ซื้อ GT-R T Spec ได้ 3 คัน) ในชื่อ Nissan GT-R50 ที่ทางสำนักดังฝั่งยุโรปอย่าง Italdesign จับมาแปลงโฉมจนแทบจำค้าเดิมไม่ได้ และจำหน่ายในรูปแบบ Limited Edition ในจำนวนจำกัดเพียง 50 คัน (ตามปีครบรอบ 50 ปี ของสปอร์ตตระกูล GT-R และอายุในการก่อตั้งของสำนัก Italdesign) ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวและเปิดให้จับจองมากว่า 2 ปี ล่าสุด Nissan GT-R50 เริ่มการผลิตเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้่ราที่จองแล้ว
Nissan GT-R50 by Italdesign
Nissan GT-R50 เป็นงานประกอบมือในรูปแบบ Custom Made เน้นความประณีตสูงสุด ซึ่งผู้ครองครองสามารถออกแบบตัวรถได้ตามที่ต้องการ โดยมีข้อแม้เพียงเรื่องเดียว คือ ต้องมีโลโก้ GT-R บนตัวรถ เพื่อเป็นการให้เกียรติกับ Nissan GT-R ซึ่งใช้เป็นพื้ฐานในการสร้าง GT-R50 by Italdesign ทุกคัน โดยการผลิตสปอร์ตไอเดียสุดขั้วคันนี้ มีขึ้นที่โรงงานในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี (เมืองที่อยู่ของสโมสรฟุตบอล Juventus และ Torino) ซึ่ง Nissan GT-R50 คันแรกที่ทางสำนักสร้างขึ้น ในในไอเดียที่ถ่ายทอดกลิ่นอายของ Nissan Skyline 2000 GT-R ปี 1972 (C110) พร้อมสีพิเศษ Verde Kenmeri ที่ทำขึ้นมาโชว์ในงาน Tokyo Motor Show ปี 1972
Nissan Skyline 2000 GT-R (C110) ตัวเจ็บในงาน Tokyo Motor Show 1972
ความพิเศษของ Nissan GT-R50 by Italdesign คงหนีไม่พ้นเรื่องของภาพลัษณ์ที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน แม้จะเป็นที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น แต่การแปลงโฉมครั้วนี้ ใส่กลิ่นอายความเป็นซูเปอร์คาร์จากฝั่งยุโรปเข้าไปแบบเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นชุดไฟหน้าที่ออกแบบมาให้ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น, กระจังหน้าและฝากระโปรงดีไซน์ใหม่, ชุดสปอยเลอร์ท้ายที่ยกอัตโนมัติด้วยไฮดรอลิคส์ รวมถึงไฟท้าย LED ดีไซน์โดนัทแบบที่ไม่มีให้เห็นใน GT-R ทั่วไป
ด้านสมรรถนะของ Nissan GT-R50 by Italdesign มีการยกระดับของขุมพลัง VR38DETT ให้สูงขึ้น โดยเครื่องยนต์ความจุ 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบบล็อคนี้ มีกำลังมากถึง 710 แรงม้า ด้วยการเปลี่ยนชุดเทอร์โบแบบเดียวกับที่ใช้ในตัวแข่ง GT3 พร้อมเปลี่ยนอินเตอรืคูลเลอรืเพื่อการระบายความร้อนของไอดีที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ทั้งลูกสูบ ก้านสูบ ชาฟท์ รวมถึงเพลาข้อเหวี่ยง เช่นเดียวกับระบบส่งกำลังแบบ 6 สปีด ที่มีการพัฒนาให้ทนทาน สามารถรองรับพละกำลังที่สูงมากขึ้น ก่อนปิดท้ายด้วยชุดช่วงล่างจาก Bilstein
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก CarScoop
