Home » รีวิว Mitsubishi XPander Cross HEV ถ้าสิ่งที่คาดหวัง คือ ความประหยัด…เห็นตัวเลขแล้วจะ “จัด” หรือ “ตัดใจ” ?

รีวิว Mitsubishi XPander Cross HEV ถ้าสิ่งที่คาดหวัง คือ ความประหยัด…เห็นตัวเลขแล้วจะ “จัด” หรือ “ตัดใจ” ?

by Admin clubza.tv
mitsubishi-xpander-cross-hev

Mitsubishi XPander และ XPander Cross HEV เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายใต้ความน่าสนใจหลากหลายประการ ไล่มาตั้งแต่ การปรับขุมพลังใหม่ โดยมาในรูปแบบฟูลไฮบริด ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของรถในรูปแบบ Mini MPV แบบ 7 ที่นั่ง ในตลาดเมืองไทย พร้อมตรึงราคาคงเดิม (แถมเพิ่มแคมเปญส่งเสริมการขายแบบยากจะปฏิเสธ) จากรุ่นเครื่องยนต์สันดาป ที่ทำตลาดอยู่ก่อนหน้า นั่นเองเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ Mitsubishi XPander และ XPander Cross HEV สามารถสร้างยอดจองได้กว่า 4,000 คัน ในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเศษๆ โดยในปัจจุบัน ทางค่าย Mitsubishi สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้กว่า 2,500 คัน เป็นที่เรียบร้อย

Mitsubishi XPander และ XPander Cross HEV รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง แบบ Full Hybrid รุ่นแรกในประเทศไทย

นอกจากเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่เพิ่มขึ้นมา จุดเด่นเดิมของ Mitsubishi ในตระกูล XPander เดิมที่นำเข้าจากประเทศอินโดนิเซียนั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องรายละเอียดการออกแบบ รวมถึงความพิถีพิถันในการติดตั้ง (มีทีมพัฒนาจากฝั่งไทยประจำการอยู่ที่นั่นด้วย เพื่อวัตถุประสงค์การออกแบบและพัฒนารถให้เข้ากับความต้องการของคนไทยมากที่สุด) ส่วน Mitsubishi XPander และ XPander Cross HEV ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดเป็นหัวใจในการขับเคลื่อน ถูกย้ายฐานการผลิตเข้ามายังประเทศไทย นั่นเองจึงยิ่งตอกย้ำความโดดเด่นในสิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนว่า ผลพลอยได้จากปัจจัยเหล่านี้ ย่อมส่งผลให้ผู้บริโภคได้สินค้าที่ดี มีความคุ้มค่า และมาตรฐานในระดับที่ดีมากขึ้นไปอีกขั้น ในค่าตัวเริ่มต้นเพียง 912,000 บาท (ถึงแค่ 7 เมษายน 2567 เท่านั้น) ในช่วงแนะนำ

เลย์เอาท์ของระบบฟูลไฮบริดใน Mitsubishi XPander HEV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถอดแบบมาจากรถ PHEV รุุ่นพี่ในค่าย

ระบบไฮบริดของ Mitsubishi XPander และ XPander Cross HEV

เป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์บล็อคใหม่พิกัด 1.6 ลิตร MIVEC จับคู่กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนแบบ Full Hybrid ซึ่งให้กำลังรวมสูงสุด 116 แรงม้า พร้อมกับอรงบิดในระดับ 255 นิวตัน-เมตร โดยการทำงานของระบบไฮบริดในทุกรูปแบบนั้น จะแปรผันตามลักษณะการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น EV Mode หรือ การขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วน โดยดึงไฟจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.1 kWh ที่ซุกอยู่ใต้เบาะโดยสารคู่หน้าเป็นพลังงานหลัก,

การทำงานในรูปแบบ Series Hybrid คือ ใช้เครื่องยนต์สำหรับปั่นไฟจ่ายให้กับมอเตอร์โดยตรง สลับกับการทำงานด้วย EV Mode ในกรณีที่ปริมาณไฟในแบตเตอรี่สูงมากพอ สำหรับการขับขี่ที่ความเร็วปานกลางขึ้นไปด้วยความเร็วคงที่ หรือมีอัตราเร่งเล็กน้อย แต่หากเป็นการขับขี่ที่ความเร็วสูงคงที่ (ประมาณ 110 กม./ชม. +- เป็นต้นไป) ระบบจะตัดการทำงานของชุดมอเตอร์ เพื่อส่งหน้าที่การขับเคลื่อนต่อให้เครื่องยนต์โดยตรง (ขับเคลื่อนแบบ TransAlxe ซึ่งมีชุดเฟืองอัตราทด…แต่ไม่ใช่ชุดเกียร์ที่เปลี่ยนอัตราทดได้) เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง (การขับตรงด้วยเครื่องยนต์ที่ความเร็วสูงคงที่ โหลดการทำงานต่ำ รอบการทำงานของเครื่องยนต์จะต่ำกว่า การที่ต้องเร่งรอบเพื่อปั่นไฟจ่ายให้กับมอเตอร์ที่ต้องการกำลังไฟในปริมาณที่เข้มข้น ดังนั้น…การใช้เครื่องยนต์เพื่อการขับเคลื่อนในย่านความเร็วสูงคงที่ ส่งผลโดยตรงต่อการใช้เชื้อเพลิงที่ต่ำลงไปด้วย) โดยในขณะที่เร่งแซงด้วยความเร็วสูง หากสังเกตจากหน้าจอที่แสดงผลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 8 นิ้ว จะพบว่า…มีช่วงที่ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับในละกษณะ Parallel Hybrid เรียกกำลังจากทั้งระบบออกมาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างอัตราเร่งในระดับที่เรียกว่า ดีที่สุด เมื่อเทียบกับรถในรูปแบบเดียวกัน

โหมดการขับขี่ใน 5 รูปแบบ ถูกเซ็ตติ้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เลือกใช้งานอย่างเหมาะสม

ไฮไลท์ที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ในความเป็น Mitsubishi XPander และ XPander Cross HEV ก็คือ

โหมดการขับขี่ที่ทาง Mitsubishi เซ็ตมาให้ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้งานถึง 7 โหมด อันประกอบๆไปด้วย EV Mode สำหรับการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน (ในระยะทางสั้นๆ), Charge Mode ที่เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อชาร์จและรักษาปริมาณไฟในแบตเตอรี่ (ในขณะขับเคลื่อน) เพื่อเก็บไฟไว้ใช้ในกรณีที่ต้องการ เช่น การใช้ EV Mode เพื่อขับขี่ในพื้นที่ชุมชน หรือการเก็บไฟไว้สำรองเพื่อเปิดแอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถ กรณีที่ต้องจอดรอและไม่ต้องการให้เครื่องยนต์ติดขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีอีก 5 โหมด ให้ผู้ขับขี่ได้เลือกใช้ตามแต่ละสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น Normal, Wet, Gravel, Trarmac รวมถึง Mud Mode ซึ่งในแต่ละโหมดนั้น การทำงานของระบบรองรับต่างๆ ทั้ง การตอบสนองของคันเร่ง, การทำงานของระบบ Traction Control, น้ำหนักและการตอบสนองของพวงมาลัย รวมถึงการทำงานของระบบ Active YAW Control (AYC) จะถูกเซ็ตค่าความเข้มข้นในการทำงานให้แตกต่างกันออกไป

ช่วงล่างปรับเซ็ตใหม่ เน้นความนุ่มนวลมากกว่ารุ่นที่เคยทำตลาดชัดเจน โดยยังคงระยะต่ำสุดจากพื้นไว้ที่ 205 มม.

Mitsubishi XPander และ XPander Cross HEV ได้การปรับจูนชุดช่วงล่างใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับกับน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มมากขึ้นจากระบบไฮบริด (เครื่องยนต์, มอเตอร์, แบตเตอรี่) รวมไปถึงการเน้นเรื่องความสบายในการขับขี่เป็นหลัก พร้อมอัพเกรดระบบรองรับเพื่อยกระดับคุณภาพการขับขี่ให้สูงขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดชุดเบรกหลังจากดรัมเบรกมาเป็นดิสต์เบรก ปรับดีไซน์ของชุดล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่รัดด้วยยางไซส์ 205/55 R17

งานประกอบและวัสดุภายในห้องโดยสารดูดีสมราคา พร้อมปรับดีไซน์พวงมาลัย, หน้าจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว และใช้คันเกียร์ไฟฟ้า

เบาะนั่งบุหนังลดความร้อน พร้อมเสริมวัสดุบุนุ่มที่แผงคอนโซลและแผงข้างประตู ระบบปรับอากาศสำหรับแถวที่ 2 เป็นตู้แยก ไม่ใช่แค่ Blower

เบาะแถวที่ 3 เน้นให้เข้าออกง่าย โดยสามารถเลื่อนเบาะแถวที่ 2 เดินหน้า หรือพับตลบเพื่อขึ้น – ลง

การทดลองขับ Mitsubishi XPander และ XPander Cross HEV ในครั้งนี้ มีระยะทางรวมประมาณ กับสภาพการจราจรในหลากหลายรูปแบบ โดยรถที่ #ทีมขับซ่า ได้ขับ คือ Mitsubishi XPander Cross HEV ก่อนออกมีการเซ็ตหน้าจอแสดงผลการขับขี่ 0 ตามระเบียบ เพื่อเก็บข้อมูลในแง่มุมต่างๆ ตามแบบฉบับที่ได้มาตรฐานและเป็นไปในทิศทางเดียวกับการทดลองขับขี่รถยนต์รุ่นและแบรนด์อื่นๆ ซึ่งตัวผู้ขับขี่เอง ก็มีประสบการณ์มามากกว่า 17-18 ปี และเป็นหนึ่งในทีมงานที่เก็บข้อมูลให้กับ #ทีมขับซ่า มาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น…หากว่ากันด้วยเรื่องมาตรฐานและวิธีการในการทดสอบ #ทีมขับซ่า มั่นใจว่า “เรามีความเป็นมืออาชีพมากพอ” ที่จะทดสอบรถทุกรุ่น ให้อยู่ในคอนดิชั่นที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด และด้วยความที่เป็นการขับขี่ในรูปแบบ Free Run นัดเจอกันที่จุดนัดพบ เราจึงสามารถเลือกที่จะใช้วิธีการขับในรูปแบบของเราได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องพยายามไปเร่งตามใครเพื่อให้ถึงจุดหมายพร้อมๆ กัน

ออกเดินทางสบายๆ ในรูปแบบฟรีรัน ความเร็วที่ใช้ในเมือง + เดินทาง 100-120 กม./ชม. ได้อัตราสิ้นเปลืองช่วง 100 กม. แรก อยู่ที่ 14.8 กม./ลิตร

ในช่วงแรกของการเดินทาง เป็นการขับขี่ในเมืองที่มีรถติดสลับหยุดนิ่ง ตัวรถ Mitsubishi XPander Cross HEV ให้การตอบสนองที่ดีในสไตล์ของรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องเติมคันเร่งเยอะ ก็สามารถเร่งออกตัวได้แบบสบายๆ ซึ่งให้สัมผัสที่ดีกว่ารุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป รวมถึงรถรุ่นอื่นๆ ในกลุ่ม Mini MPV 7 ที่นั่ง ค่อนข้างมาก การทำงานของระบบเบรกในช่วงความเร็วต่ำ รู้สึกว่า…เบรกจับค่อนข้างที่จะไว ต้องค่อยๆ แตะแบบยั้งๆ เท้า เพราะหากใส่แรงลงไปที่แป้นเบรกเยอะ อาจรู้สึกขาดความนุ่มนวลไปบ้าง (แต่ที่ความเร็วสูง ถือว่าทำงานและตอบสนองได้ดีตามเท้า) หลังจากที่ออกตัวมาได้สักระยะ สภาพการจราจรตอนเข้าในเส้นเลียบด่วนรามอินทรา ไม่ได้ถึงกับแออัดมากนัก ผู้ขับขี่ควบคุมมาแบบไหลๆ ก่อนจะขึ้นทางด่วนเพื่อมุ่งหน้าบูรพาวิถี โดยในช่วงที่หลุดพ้นสภาพการจราจรในเมืองมาเป็นที่เรียบร้อย ความเร็วที่ใช้ ยังคงเป็นความเร็วตามกฏหมายกำหนด หรืออยู่ในช่วงไม่เกิน 100 – 120 กม./ชม.

และไม่มีการเร่งความเร็วแบบ Kick Down ตลอดการทดลอง (ย้ำในย้ำ…ไม่มี Kick Down แม้แต่ครั้งเดียวตลอดการเดินทาง) แม้ว่าจะต้องเร่งความเร็วเพื่อแซงในบางครั้ง เนื่องจากพละกำลัง รวมถึงแรงบิดของ Mitsubishi XPander Cross HEV สามารถตอบโจทย์สำหรับการเดินทางในรูปแบบนี้ได้แบบสบายๆ ในช่วงก่อนถึงด่านชำระค่าผ่านทางด่วน ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองแสดงบนหน้าจอที่ 13.9 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำให้ผู้ขับขี่ออกอาการช็อตฟีลไปชั่วขณะ แต่หลังจากที่เข้าสู่ช่วงลงทางด่วนเพื่อมุ่งหน้าสู่ย่านบางแสน ความเร็วที่ใช้เริ่มต่ำลงพอสมควร จนถึงจุดหมายแรก อัตราสิ้นเปลืองโชว์อยู่ที่ 14.8 กม./ลิตร

ในฐานะที่เป็น User สิ่งที่คุณคาดหวังที่จะได้จากรถ Hybrid คือ อะไร ? ความประหยัดในทุกสภาพการเดินทาง หรือ การตอบสนองที่ดีไม่แตกต่างจากการขับขี่ทางเรียบ เมื่อต้องขึ้นดอยอินทนนท์ ?

ทางทีมวิศวกรของ Mitsubishi พยายามให้ข้อมูลว่า รถรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานในเมืองได้ประหยัดมากกว่าการขับขี่เดินทางไกลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และหากผู้ขับขี่ปรับพฤติกรรมการใหม่ อาจเห็นตัวเลขในระดับถึง 19-21 กม./ลิตร ซึ่งทางผู้เขียนจาก #ทีมขับซ่า มองว่า “อาจจะไม่มีความจำเป็น” เพราะจากพฤติกรรมการขับขี่ในรูปแบบเดียวกัน ในรถที่มีระดับพละกำลังใกล้เคียงกัน ทั้งครอสโอเวอร์รุ่นที่ใช้เครื่อง 1.5 ลิตร และ 1.8 ลิตร #ทีมขับซ่า ยังคงทำอัตราสิ้นเปลืองได้แตะระดับ 20 ++ กม./ลิตร ได้แบบไม่ยาก หรือแม้แต่ C Segment SUV เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไฮบริด ที่ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา ยังมีอัตราสิ้นเปลืองป้วนเปี้ยนอยู่แถว 16.5 -18.0 กม./ลิตร ที่ลักษณะการขับขี่แบบเดียวกันทั้งสิ้น หากจะขับ Mitsubishi XPander Cross HEV เดินทางให้ได้อัตราสิ้นเดียวกันนั้น ความเร็วที่ใช้อาจจะต้องอยู่ที่ราว 80-100 กม. ไม่เกินจากนี้ แต่หากใช้ความเร็วนี้…เทียบกับรถในรูปแบบไฮบริดด้วยกัน รถเหล่านั้นจะมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยรวมประมาณ 23-25 กม./ลิตร ขึ้นไป

เร่งแซง หรือขึ้นเนินชัน คือ จุดเด่นหลักๆ ของ Mitsubishi XPander Cross HEV

แม้เรื่องอัตราสิ้นเปลืองของ Mitsubishi XPander Cross HEV จะกลายเป็นประเด็นหลักที่ผู้บริโภค โดยเฉพาะกับคาดหวังเรื่องความประหยัดต้องนำมาพิจารณา แต่หาก Mitsubishi XPander Cross HEV กลับมีคุณสมบัติที่นำโด่งในเรื่องอัตราเร่ง เมื่อเทียบกับคู่แข่งในรูปแบบเดียวกันดังนี้

เทียบอัตราเร่ง Mitsubishi XPander HEVกับรถในรูปแบบ Mini MPV 7 ที่นั่ง

อัตราเร่ง (วินาที)XPander HEVXPander 1.5 ลิตรToyota VelozSuzuki XL7 Hybrid
0-40 กม./ชม.2.804.103.923.88
0-60 กม./ชม.4.586.376.306.29
0-80 กม./ชม.7.199.689.789.59
0-100 กม./ชม.10.6114.1914.2213.75
0-120 กม./ชม.15.7220.3920.4121.12
60-80 กม./ชม.2.613.413.483.30
80-120 กม./ชม.8.5210.6110.6311.23
100-120 กม./ชม.4.906.286.197.37
ควอเตอร์ไมล์17.70 วิ. @ 126.4 กม./ชม.19.73 วิ. @ 118.2 กม./ชม.19.71 วิ. @ 118.4 กม./ชม.19.66 วิ. @ 115.9 กม./ชม.

ช่วงล่างออกแนว “ติดนุ่ม” สำหรับการขับขี่ทั่วไป แต่หากผู้ขับเป็นสายโหดสักหน่อย ถ้าจะเรียกว่า “ออกย้วย” ก็คงไม่เกินจริง

สิ่งที่ต่างไปอย่างชัดเจนของ Mitsubishi XPander Cross HEV เมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ก็คือ ฟีลลิ่งของเซ็ตช่วงล่าง จากเดิมที่เคยรู้สึกเฟิร์ม เน้นความมั่นคงเป็นหลักในขณะที่เดินทางไกล หรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง มาในคราวนี้ Mitsubishi XPander Cross HEV เซ็ตช่วงล่างในรูปแบบ “ติดนุ่ม” เน้นความสบายสำหรับการขับขี่ในเมือง รวมถึงการขับขี่บนไฮเวย์ในเส้นทางตรงๆ (หากเข้าโค้งด้วยความเร็ว อาจรู้สึกถึงอาการ “เก็บทรงไม่อยู่” ไปบ้าง แต่เข้าใจได้ว่านี่คือ การเซ็ตเพื่อการใช้งานในรูปแบบครอบครัวในเมือง มากกว่าการขี่ท่องเที่ยวแนวสปอร์ต) การทำงานของระบบ Active YAW Control ที่ช่วยเก็บอาการของตัวรถให้มีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ซึ่งเป็นจุดขายของใน Mitsubishi XPander Cross HEV อาจไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นมากจากการเดินทางครั้งนี้ แต่จากที่ได้ทดลองในช่วงก่อนเปิดตัวที่สนามทดสอบหนองคร้อเซอร์กิต ต้องยอมรับเลยว่า ตัวช่วยและโหมดการขับขี่ที่ใส่มาให้ ถือว่าสร้างคาแร็กเตอร์และคุณสมบัติที่โดดเด่นในความเป็น Mitsubishi XPander Cross HEV ได้แบบสุดตาราง โดยเฉพาะในโหมด Mud และ Gravel ที่คู่แข่งรายอื่นๆ ไม่สามารถให้ได้

สรุปจุดเด่น – ข้อสังเกตใน Mitsubishi XPander Cross HEV

จุดเด่นข้อสังเกต
– สมรรถนะจากระบบฟูลไฮบริด

– โหมดการขับขี่ที่หลากหลายถึง 7 รูปแบบ

– Active YAW Control

– อัตราสิ้นเปลือง (เมื่อเทียบกับรถในรูปแบบเดียวกัน)

– วัสดุ งานประกอบ ระดับที่ดูดีกว่ารถในคลาส

– หน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 8 นิ้ว

– อัตราสิ้นเปลือง (เมื่อเทียบกับรถไฮบริดอื่นๆ)

– หน้าจออินโฟเทนเม้นท์มองยากมากจากแสงสะท้อน

– สไตล์ของช่วงล่างที่แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาป

– ไม่มีกล้องมองรอบทิศทาง (มีเฉพาะในด้านหลัง)

– ไม่มีระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง ADAS

 

 


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy