Home » รีวิว Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic 2024 อัพค่าตัว 40,000 บาท แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมานั้น บอกเลยว่า…?

รีวิว Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic 2024 อัพค่าตัว 40,000 บาท แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมานั้น บอกเลยว่า…?

by Admin clubza.tv
mercedes-benz-gla200-amg-dynamic-2024

Mercedes-Benz เปิดตัวรถอเนกประสงค์น้องเล็กในค่ายอย่างตระกูล GLA ครั้งแรกในปี 2014 ก่อนที่จะสานต่อความสำเร็จของรถในรูปแบบครอสโอเวอร์ยอดนิยม ที่ให้ทั้งความคล่องตัวในการใช้งาน บวกกับระดับราคาที่เข้าถึงความเป็นรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมได้ไม่ยาก กลายมาเป็น Mercedes-Benz GLA เจนเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2020 ที่ได้รับคำชมในเรื่องความคุ้มค่า และลงตัวเมื่อเทียบกับคุณสมบัติ ล่าสุดทางค่ายพร้อมแล้วที่จะปล่อย Mercedes-Benz GLA200 ที่ได้รับการปรับโฉมในรูปแบบ Facelift ปี 2024 เพื่อให้สาวกของค่าย ได้สัมผัสภาพลักษณ์แห่งความหรูหรา รวมถึงคุณสมบัติของน้องเล็กในตระกูลรถอเนกประสงค์ที่มีความเพียบพร้อมมากยิ่งขึ่น

Mercedes-Benz GLA200 ในเวอร์ชั่น Facelift ปี 2024

สำหรับการกลับมาของ Mercedes-Benz GLA200 ในเวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 นั้น ทางค่าจะเริ่มต้นทำตลาดด้วยรุ่น AMG Dynamic ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดก่อนเป็นลำดับแรก (โดยคาดว่าจะมีรุ่นแรง Mercedes-AMG GLA35 รวมถึงรุ่นทริม Progressive ออกมาในภายหลัง)  โดยค่าตัวของ Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ถูกวางเอาไว้ที่ 2,580,000 บาท หากเทียบกับราคาปกติในรุ่นก่อนที่ 2,540,000 บาท (ไม่นับช่วงปรับราคา 2.19 ล้านบาท ในช่วงสิ้นปี 2023) หลายคนอาจมองว่า พอมาเป็นรุ่นใหม่แล้ว ค่าตัวขยับเพิ่มบขึ้นอีกถึง 40,000 บาท แต่หากนำมาเทียบรายละเอียดจริงๆ กับอุปกรณ์ออพชั่น รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ได้เพิ่มขึ้นมา ต้องยอมรับว่า…ส่วนต่าง 40,000 บาท ที่ต้องจ่ายเพิ่มนั้น ถือว่าหัวใจหลักที่ช่วยสร้างแรงดึงดูด และเป็นลูกเล่นที่ส่งให้ Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ดูมีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเราจะมาไล่ดูกันเป็นจุดๆ ในย่อหน้าถัดไป

ไฟหน้า จับคู่กันชนดีไซน์ใหม่ ยกระดับภาพลักษณ์สู่ความเป็น AMG เต็มรูปแบบ

ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว สีดำ – เงิน พร้อมคาลิเปอร์ดีไซน์สปอร์ต

ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี

สิ่งที่ผู้ใช้จะได้รับกับงบ 40,000 บาท ที่ต้องเติมใน Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 สิ่งแรกที่มีการปรับรายละเอียด คงหนีไม่พ้นเรื่องภาพลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ของชุดไฟหน้า LED High Performance ที่มาพร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ รวมถึงไฟท้ายใหม่ ที่ได้รับการถ่ายทอดกลิ่นอายมาจากรุ่นพี่ในค่าย เส้นสายบริเวณกับชน ถูกปรับรายละเอียด เพื่อสื่อถึงความเป็น Mercedes-AMG ซึ่งส่งให้ตัวรถ มีภาพลักษณ์ที่สปอร์ต เฉียบคมมากยิ่งขึ้น ในส่วนของด้านข้างก็เช่นกัน โป่งซุ้มล้อ จากเดิมที่ล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีดำ มาใน Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ถูกปรับให้เป็นสีเดียวกับตัวรถ จับคู่กับล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 19 นิ้ว (ดำ-เงิน…จากเดิมที่เป็นสีเทา – เงิน) พร้อมคาลิเปอร์เบรกดีไซน์สปอร์ตที่เพิ่มความขลังด้วยตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz ก่อนปิดท้ายรายละเอียดภายนอกด้วยการเพิ่มหลังคา Panoramic Sunroof ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับทุกการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น

เพิ่มหลังคา Panoramic, ใช้พวงมาลัยดีไซน์เดียวกับรุ่นพี่

ระบบปรับอากาศ Thermotronic 2 Zone แยกความเย็นอิสระ พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง

Touchpad หายไป เน้นการสั่งงานบนหน้าจอมากขึ้น

นอกจากในส่วนภายนอกแล้ว ภายในห้องโดยสารของ Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024

ยังมีรายละเอียดที่เปลี่ยนไปในหลายๆ ส่วน โดยสิ่งที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือ การติดตั้งระบบปฎิบัติการ MBUX7 ซึ่งเป็นระบบล่าสุดที่ช่วยให้ทุกการสั่งการ รวมถึงการเชื่อมต่อ ทำได้อย่างสมบูณ์แบบ โดยจะแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว ที่วางเรียงกับเพื่อแสดงข้อมูลการขับขี่ ที่สามารถเลือกการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงใช้เพื่อสั่งการลูกเล่นต่างๆ ด้วยการสัมผัส (รุ่นนี้ไม่มี Touchpad ที่คอนโซลกลางมาให้แล้ว และมีปุ่มฟังค์ชั่นต่างๆ ให้กดน้อยลง…ถ้ายังไม่ชิน อาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับตำแหน่งลูกเล่นบนหน้าจอเล็กน้อย) ในส่วนของระบบปรับอากาศ จากเดิมที่รองรับการปรับอุณหภูมิแบบดิจิตัล แต่สำหรับ Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 จะมาในรูปแบบ Thermotronic 2 Zone ที่สามารถปรับอุณหภูมิแยกส่วนซ้าย – ขวา และยังมาพร้อมช่องแอร์ในด้านหลัง เพื่อกระจายความเย็นได้อย่างทั่งถึงตลอดคัน

เบาะพับได้แบบ 40:20:40 พร้อมเพิ่มแผนปิดสัมภาระท้าย

เบาะหนัง Artico กับหนัง Microcut Microfibre สีดำ ให้ความกระชับได้อย่างน่าประทับใจ

ปรับทริมการตกแต่ง จากลายคาร์บอนมาเป็นโลโก้ดาวสามแฉก…สร้างแรงดึงดูดได้มากในยามค่ำคืน

ด้านทริมการตกแต่งภายใน จากเดิมที่ใช้ลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์ มาใน Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ปรับมาเป็นโลโก้ “ดาวสามแฉก” ที่ออกแบบมาให้รับกับชุดไฟแอมเบี้ยนไลท์ 64 สี เพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่หรูหรา ชวนสัมผัส โดยเฉพาะในช่วงเวลาค่ำคืน นอกจากนี้…ในส่วนของพวงมาลัยยังได้รับการปรับดีไซน์มาใช้แบบเดียวกับรุ่นพี่ พร้อมหุ้มด้วยหนัง Nappa ซึ่งให้สัมผัสที่หรูหรา กระชับมือ ส่วนเบาะนั่งสำหรับรุ่น AMG Dynamic เป็นการจับคู่ระหว่างหนัง Artico กับหนัง Microcut Microfibre สีดำ ช่วยเพิ่มความรู้สึกกระชับในขณะขับขี่ สำหรับด้านท้ายมาพร้อมพื้นที่สัมภาระขนาด  435 ลิตร สามารถพับเบาะได้แบบ 40:20:40 ซึ่งหากพับทั้งหมด พื้นที่สัมภาระจะเพิ่มเป็น 1,430 ลิตร โดยอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มีเพิ่มเข้ามาใน Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ก็คือ แผ่นและตาข่ายปิดสัมภาระทางด้านท้าย

สำหรับการทดลองขับขี่ Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ในครั้งนี้ ใช้เส้นทางจากบางนา – จ.ระยอง รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 300 กม. ซึ่งมีเส้นทางให้ได้ทดลองฟังค์ชั่นต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ สิ่งหนึ่งที่ยังคงสัมผัสได้ถึงความโดดเด่น แม้จะไม่มีการอัพเกรดในรุ่นนี้ก็คือ เรื่องของพละกำลังในพิกัด 1.3 ลิตร เทอร์โบ ที่ถือว่าให้การตอบสนองต่อทุกการใช้งานได้อย่างพอเหมาะ แน่นอนว่า พอพูดถึงเครื่องยนต์ความจุเพียง 1.3 ลิตร หลายๆ คนอาจจะตั้งคำถามขึ้นมาก่อนในใจว่า เครื่องยนต์ความจุเท่านี้ มันเพียงพอไหมกับรถในกลุ่มที่เรียกว่าเป็น Premium Crossover B-Segment ? โดยจากที่ #ทีมขับซ่า ได้ทดลองมาแล้วในหลากหลายบอดี้ ต้องยอมรับว่า Mercedes-Benz ออกแบบเครื่องยนต์ในบล็อค M282 มาได้อย่างน่าสนใจทีเดียว พละกำลังในระดับ 163 แรงม้า อาจดูไม่ได้โดดเด่น แต่หากเทียบกับแรงบิดในระดับ 250 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แล้ว ถือว่าให้การตอบสนองที่ “เอาเรื่อง” ทั้งในช่วงออกตัวและเร่งแซง อีกทั้งยังรองรับความหลากหลายในการใช้เชื้อเพลิงถึง E85 (ซึ่งปัจจุบัน…หาเติมได้ค่อนข้างยากแล้ว)

เป็นบล็อค 4 สูบ 1.3 ลิตร เทอร์โบ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านพละกำลัง และอัตราสิ้นเปลืองได้อย่างน่าประทับใจ

อัตราเร่ง Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic

อัตราเร่ง (วินาที)Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic
0-40 กม./ชม.2.73
0-60 กม./ชม.4.56
0-80 กม./ชม.6.87
0-100 กม./ชม.9.45
0-120 กม./ชม.12.98
0-140 กม./ชม.17.84
0-160 กม./ชม.23.72
0-180 กม./ชม.33.98
60-80 กม./ชม.2.41
80-120 กม./ชม.6.13
100-120 กม./ชม.3.47
ควอเตอร์ไมล์16.98 วิ. @ 137.2 กม./ชม.
ความเร็วสูงสุด193.2+ กม./ชม.

ทางค่ายเคลมเอาไว้ว่า Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 8.7 วินาที แต่หากตัวเลขจริงที่ #ทีมขับซ่า ทำได้ด้วยวิธีการมาตรฐาน คือ จอดออกแล้วกดเต็ม ด้วยเครื่องมือ VBox Sport เฉลี่ยอยู่ที่ 9.45 วินาที สาเหตุคงเป็นเพราะ หากวัดด้วยวิธีการ “จอดออก” รถที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กพ่วงเทอร์โบ ในช่วงแรกของการออกตัวนั้น เราจะรู้สึกถึงการ “รอรอบ” จากเทอร์โบอยู่เล็กน้อย เนื่องจากเครื่องยนต์ในลักษณะ Downsizing นั้น ยังคงต้องพึ่งพาพละกำลังจากการปั่นของเทอร์โบเป็นหลัก (แต่หากไหลออกแบบ Roll Out สัก 60 ซม. หรือเร่งแซงในช่วงย่านที่มีความเร็วอยู่แล้ว ไม่รู้สึกถึงอาการรอรอบแต่อย่างใด) ต่างกับเครื่องยนต์บล็อคใหญ่ ที่ตอบสนองจากแรงบิดด้วยความจุที่สูงได้ในทันที แต่ข้อดีของเครื่องยนต์ในรูปแบบ Downsizing คงหนีไม่พ้นเรื่องอัตราสิ้นเปลือง ซึ่งจากการทดสอบตามวิธีการของ #ทีมขับซ่า พบว่า Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 5.7 ลิตร ต่อ 100 กม. หรือราว 17.5 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในย่านความเร็วเดินทาง ไม่เกิน 120 กม./ชม. ซึ่งตัวผู้ขับขี่ สามารถเลือกสนุกไปกับตัวรถด้วยโหมดการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ ที่มีให้เลือก รวมถึงการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองจากแป้น Paddle Shift ที่บริเวณหลังพวงมาลัย

สะท้านค่อนข้างชัด เวลาเจอเส้นรอยต่อถนน แต่ถ้าเอาความสนุกในการขับขี่…จัดว่าตอบโจทย์

สำหรับใครที่มองว่า พอเป็นรถในตระกูล GLA ซึ่งเป็นครอสโอเวอร์แล้ว ต้องการความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นสำคัญ นี่อาจเป็นความคิดที่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง แน่นอนว่า…ความนุ่มนวลในสไตล์ของรถในรูปแบบนี้ยังคงอยู่กับ Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า ตัวรถถูกใส่ฟีลลิ่งความเป็นสปอร์ตของความเป็น AMG Dynamic เข้าไป ดังนั้น…ช่วงล่างก็ย่อมต้องรองรับความสนุกและความมั่นใจในการขับขี่ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่า การขับขี่ที่ความเร็วสูง การเข้าโค้งในรูปแบบต่างๆ ของตัวรถ ทำได้อย่างมั่นใจ ให้การตอบสนองสำหรับ “คนชอบขับรถ” ได้อย่างน่าประทับใจ (เช่นเดียวกับระบบเบรก ที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติ และตอบสนองได้ละเอียด ตามแรงที่ใส่เข้าไป) หากมองว่านี่เป็นรถในสไตลครอสโอเวอร์ ที่ใช้ระบบช่วงล่าง Comfort Suspension แบบ Ride Height Lowering หรือช่วงล่างแบบคอมฟอร์ท ที่มีการปรับความสูงลงมาอีกราว 15 มม. สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ อาการสะท้านเข้ามาในห้องโดยสาร หากขี่ผ่านอุปสรรคต่างๆ เช่น เส้นถนน หรือสิ่งกัดขวาง ซึ่งนอกจากรูปแบบของช่วงล่างแล้ว สิ่งหนึ่งคงหนีไม่พ้นการใช้ล้อขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้ว จับคู่กับยาง 235/50 ในทำนองเดียวกับ เสียงจากยางที่เข้ามาในห้องโดยสาร สำหรับการขับขี่เดินทาง มีเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินบ้างตามสภาพพื้นผิว แต่หากการเก็บเสียงลมสำหรับการวิ่งความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. นั้น ถือว่าทำได้ดี แต่หากใช้ความเร็วสูงกว่านี้ ต่อให้เป็นรถอะไร…ก็คงมีเสียงลมเข้ามาให้ได้ยินบ้าง ไม่มากก็น้อยแตกต่างกันไป

อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ของ Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 คงหนีไม่พ้น เรื่องของระบบปฎิบัติการ ที่ได้รับการยกระดับให้เหมือนรุ่นพี่ด้วย MBUX7 ซึ่งเป็นหนึ่งในฟังค์ชั่นที่ช่วยเติมเต็มชีวิตผู้ใช้ในยุคดิจิตัล เช่น การรองรับ Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย แม้ว่าอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ชุด Touchpad จะหายไป แต่ระบบยังพร้อมรองรับการใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยฟังค์ชั่นสั่งการด้วยเสียง ที่ในครั้งนี้ เพิ่มการรองรับมากขึ้นเป็น 27 ภาษา รวมถึงการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย (จากเดิมที่รองรับเพียง 7 ภาษา) ประมวลผลและเก็บข้อมูลผ่าน AI อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าส่วนบัคคลด้วยการสแกนลายนิ้วมือเพื่อความสะดวกและเป็นส่วนตัวในการใช้งานตัวรถได้อีกด้วย นอกจากนี้…Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ยังเป็นรถที่มีความโดดเด่นเรื่องการออกแบบ User Interface ภายในห้องโดยสาร ที่แสดงผลได้อย่างสวยงาม น่าดึงดูด ชนิดที่ว่า ใครก็ตามที่ได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องโดยสาร โดยเฉพาะในเวลาค่ำคืน ย่อมจะต้องติดอกติดในในความแพรวพราวของ Mercedes-Benz อย่างแน่นอน

Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ราคา 2,580,000 บาท

ในภาพรวม…แม้ว่า Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic ปี 2024 จะมีการปรับเปลี่ยนเพียงรายละเอียดเฉพาะในรูปแบบ Facelift อีกทั้งยังมีระดับราคาที่สูงขึ้นมาเพียง  40,000 บาท แต่หากเทียบกับอุปกรณ์ รวมถึงฟังค์ชั่นต่างๆ ที่ได้เพิ่มขึ้นมาแล้ว ต้องยอมรับว่าเป็นการอัพเกรดที่ช่วยยกระดับแรงดึงดูดให้กับตัวรถได้มากขึ้น ซึ่งหากผู้ใช้มองว่า งบประมาณในระดับ 2.58 ล้านบาท สำหรับ Mercedes-Benz GLA200 AMG Dynamic เวอร์ชั่น Facelift ปี 2024 ไม่ใช่ปัญหา นี่เป็นรถอีกคันหนึ่ง ที่เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบเครื่อง ทั้งในด้านความอเนกประสงค์ในการใช้งาน, สัมผัสที่ให้ความพรีเมี่ยมในระดับราคาที่ไม่สูงจนเกินไปนัก, ความสนุก คล่องตัวในการขับขี่ รวมถึงความประหยัดที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้แบบสบายๆ


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy