เป็นที่ยืนยันแล้วว่า เจนเนอเรชั่นหน้าของ Mercedes-Benz A-Class ในรูปแบบตัวถังแฮทช์แบคนั้น…จะไม่ได้ไปต่อ ซึ่งก็จะรวมไปถึงตัวแรงอตระกูล A45 S ด้วย แต่นี่อาจไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ในเมือเจนเนอเรชั่นปัจจุบันยังพอมีให้เก็บสำหรับนักสะสมอยู่ โดยทางค่ายได้ออกรุ่นพิเศษของ Mercedes-AMG A45 S ซึ่งถือเป็นการอัพเกรดภาพลักษณ์ในรูปแบบ Limited Edition ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
สำหรับเวอร์ชั่นพิเศษของน้องเล็กแห่ง Affalterbach มาพร้อมความโดดเด่นหลายประการ โดยสิ่งที่ดึงดูดใจสาวก AMG มากที่สุด คงหนีไม่พ้นการเลือกใช้สีตัวถัง Green Hell Magno ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการนำสีนี้มาใช้กับ Mercedes-AMG A45 S (รุ่นแรกที่นำมาใช้ คือ Mercedes-AMG GT-R ปี 2016) เป็นรูปแบบสีเขียวผิวด้าน ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสนามแข่ง Nurburgring ในประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความโดดเด่นให้กับ Mercedes-AMG A45 S เวอร์ชั่นพิเศษ ด้วยการตัดขอบตัวถัง รวมถึงขอบล้อด้วยเส้นสีเหลือง พร้อมกราฟฟิคโลโก้ AMG สีดำ ที่แปะอยู่บนฝากระโปรงหน้า
Mercedes-AMG A45 S เวอร์ชั่นพิเศษมาพร้อมอุปกรณ์พิเศษมูลค่าราว 500,000 บาท (15,000 USD) เพื่อให้ผู้ครอบครองได้เลือก Config ตามต้องการ แต่หากว่ายังไม่จุใจ ยังสามารถเลือกแพคเกจพิเศษอย่าง AMG Night Package I หรือ II ที่เน้นการตกแต่งด้วยสีเข้มเพื่อเพิ่มความดุดัน รวมถึง AMG Aerodynamics Package ที่จะมีการเพิ่มสปอยเลอรืท้ายขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มแรงกดในด้านหลัง พร้อมกับล้ออัลลอยฟอร์จขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์พิเศษ 7 ก้านคู่ สำหรับ Mercedes-AMG A45 S ติดตั้งมาให้จากโรงงาน
สำหรับภายในห้องโดยสารของ Mercedes-AMG A45 S มาพร้อมธีมหลักสีดำ ตัดด้วยขอบเส้นสีเหลือง พวงมาลัยแบบมัลติฟังค์ชั่นมาในทรง D-Shape เพื่อการจับที่ถนัดมือ เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์เพื่อความโอบกระชับ พร้อมปักโลโก้ 45 S บริเวณพนักพิงศีรษะ เช่นเดียวกับชุดพรม บริเวณขอบประตู มาพร้อมสคัพเพลท บ่งบอกความเป็นรุ่นพิเศษจากแบรนด์ AMG
ในส่วนของขุมพลังนั้น แน่นอนว่าเครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ใน Mercedes-AMG A45 S ถือเป็นบล็อค 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ทรงพลังที่สุดในโลก สำหรับรถในรูปแบบโปรดักชั่น ที่สามารถใช้งานได้จริงบนถนน โดยมีกำลังอยู่ที่ 421 แรงม้า ซึ่งสามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.9 วินาที อีกทั้งเครื่องยนต์ในรหัส M139 นี้ ยังคงเป็นบล็อคเดียวกับที่ประจำการอยู่ในรุ่นใหญ่ของค่าย อย่าง Mercedes-AMG C63 (วางตามยาว พร้อมกำลัง 469 แรงม้า) อีกด้วย