แม้จะเป็นหนึ่งในค่ายที่ไม่อินกับกระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากนัก แต่ Honda ก็พยายามดันนวัตกรรมการขับเคลื่อนใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดเป็นคิวของรถอเนกประสงค์ยอดนิยมอย่าง Honda CR-V ที่โดยปกติแล้ว เจนเนอเรชั่นปัจจุบัน จะมาพร้อมเครื่องยนต์ในรูปแบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ และเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV 2.0 ลิตร แต่ในครั้งนี้กลับต่างไป ด้วยการนำเสนอรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งจะมาในรูปแบบ Plug in Hybrid
สำหรับรถอเนกประสงค์พลังไฮโดรเจนดังกล่าว มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Honda CR-V e:FCEV นี่ถือเป็นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนรุ่นแรก ที่ทำตลาดในสหรัฐอเมริกา ในภาพรวมของระบบนั้น เป็นการรวมการใช้พลังงานไฮโดรเจน เข้ากับระบบขับเคลื่อนในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งสามารถรองรับการเดินทางด้วยพลังงานในแบตเตอรี่ได้ราว 47 กม. โดยหน้าที่การขับเคลื่อนใน Honda CR-V e:FCEV เป็นของเซ็ตมอเตอร์ขนาด 174 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 311 นิวตัน-เมตร ที่ล้อคู่หน้า ซึ่งใช้พลังงานจากโมดูลเซลเชื่อเพลิง และถังไฮโดรเจนขนาด 4.3 กก. จับคู่กับแบตเตอรี่แพคไซส์ 17.7 kWh
จากตัวเลขความจุของถังไฮโดรเจน รวมถึงขนาดของแพคแบตเตอรี่ปลั๊กอินไฮบริดดังกล่าว ส่งให้ตัวรถ Honda CR-V e:FCEV สามารถทำระยะทางต่อเชื้อเพลิงเต็ม 1 ครั้ง ได้ที่ 435 กม. ตามมาตรฐาน EPA แม้จะเป็นระยะทางที่ต่ำกว่า การใช้เครื่องยนต์สันดาปล้วน, เครื่องยนต์ในรุปแบบไฮบริด หรือแม้แต่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน แต่อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของความเป็น Honda CR-V e:FCEV คงอยู่ที่ ความหลากหลายและยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยสามาารถชาร์จไฟเข้าระบบ เพื่อให้สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 47 กม. ซึ่งอาจจะช่วยลดจุดอ่อนเรื่องความไม่แพร่หลายของสถานีบริการก๊าซไฮโดรเจนในบางพื้นที่ได้ไม่มากก็น้อย
ความสามารถในการชาร์จไฟของ Honda CR-V e:FCEV จะดูโดดเด่นขึ้นมาทันที หากลองนึกภาพดูว่า ในแคลิฟอเนียทั้งหมด มีสถานีบริการก๊าซไฮโดรเจนเพียง 48 แห่ง ซึ่งด้วยระยะการเดินทางที่ถูกเซ็ตมานั้น ทำให้สามารถวิ่งใช้งานภายในเมืองได้ด้วยพลังงานจากแบตเตอี่ที่ถูกชาร์จนเต็ม ในขณะเดียวกัน…ไฟจากแบตเตอรี่ไฮโวลต์ขนาด 17.7 kWh ยังมาพร้อมฟังค์ชั่นที่สามารถจ่ายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกได้ถึง 1,500 วัตต์
ด้วยการเซ็ตระบบการใช้พลังงานของ Honda CR-V e:FCEV ทั้งในรูปแบบไฮโดรเจน ทำงานควบคู่ไปกับพื้นฐานความเป็นรถปลั๊กอินไฮบริด ทำให้ทางทีมวิศวกรของ Honda ต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดบนตัวถังบางจุด เพื่อให้ระบบสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้ปัญหา โดยเฉพาะการปรับเซ็ตช่วงล่างเพื่อให้เหมาะกับน้ำหนักตัวของ Honda CR-V e:FCEV ซึ่งมีน้ำหนักที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป และรุ่นไฮบริด e:HEV นอกจากนี้…การปรับปรุงยังรวมไปถึงภาพลักษณ์ ที่มีความแตกต่างจากรุ่นที่ทำตลาด ณ ปัจจุบัน อยู่พอสมควร เช่น การออกแบบกันชนและกระจังหน้าใหม่ ซึ่งมาพร้อมช่องรับลมที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ในส่วนด้านท้ายมาพร้อมไฟท้ายโคมใส พร้อมอักษร e:FCEV เพื่อบ่งบอกความแตกต่าง ส่วนช่องชาร์จไฟจะติดตั้งอยู่ในตำแหน่งด้านหลังซุ้มล้อหน้าซ้าย
Honda CR-V e:FCEV ที่ทำตลาดในอเมริกานั้น
ถูกวางสเป็คในระดับตัวท็อป ซึ่งจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย อีกทั้งยังมาพร้อม Wireless Charger, ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone, ฝาท้ายแบบ Hand Free, เครื่องเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง และที่ขาดไม่ได้ คือ ระบบความปลอดภัย Honda SENSING