เปืดตัวไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Honda Civic Type R 2023 แม้ว่าในภาพรวมของรุ่นล่าสุด จะให้ลุคที่ดูมินิมอล (ตามแบบฉบับของภาพลักษณ์พื้นฐานของ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11) แต่หากพูดถึงพละกำลังและประสิทธิภาพแล้ว นี่ถือเป็น Honda Civic Type R ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว
Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6
เครื่องเดิม เติมม้า…ส่งท้ายก่อนส่งไม้สู่ยุคไฮบริด
Honda Civic Type R เปิดตัวครั้งแรกในโลก มาตั้งแต่ในปี 1997 ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของ Civic Type R การกลับมาในครั้งนี้ แม้เครื่องยนต์จะได้รับการอัพเกรดให้มีพละกำลังที่สูงขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ Honda Civic Type R เจนฯ 6 ยังคงรักษาเอาไว้คือ ปรัชญาในการออกแบบ ซึ่งเน้นไปที่การดึงอารมณ์ร่วมและผลลัพท์ในการขับขี่ เครื่องยนต์ของรุ่นนี้ ยังคงเป็นบล็อค K20 C1 พิกัด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า เช่นเดียวกับรุ่นก่อนในรหัส FK8 แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ การอัพเกรดพละกำลังให้สูงขึ้นเป็น 320 แรงม้า (+10 แรงม้า) พร้อมแรงบิดในระดับ 400 นิวตัน-เมตร ส่งตรงสู่ล้อคู่หน้าผ่านชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเฟืองท้ายที่มาพร้อมลิมิเต็ดสลิปแบบกลไก โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ Comfort, Sport และ +R
King of Suzuka สำหรับรถขับเคลือนล้อหน้า
ณ เวลานี้ ทางค่ายยังไม่มีการเผยตัวเลขสมรรถนะของ Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6 แต่สิ่งที่ถูกคาดหวายกันก็คือ รุ่นล่าสุดนี้ จะมีน้ำหนักที่เบาลงกว่า Type R เจนฯ ก่อน และทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วกว่า 4.9 วินาที จากที่รุ่นเดิมเคยทำเอาไว้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ข้อสันนิษฐานอันนี้ก็คือ การเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่สามารถทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดในสนาม Suzuka Circuit ซึ่งเร็วกว่ารุ่นเดิมอยู่ราว 1 วินาที ซึ่งสิ่งที่น่าประทับใจกว่าการทำเวลาในสนามได้ดี คือ สัมผัสและอารมณ์ในการขับขี่ ที่ให้การตอบสนองได้อย่างเร้าใจและตรงไปตรงมา โดยข้อมูลในการขับขี่ทั้งหมด จะถูกแสดงบนหน้าจอ Honda LogR ขนาด 10.2 นิ้ว ที่สามารถแสดงค่าการทำงานของเครื่องยนต์รวมถึงความเร็วแบบปกติ และสามารถใช้ฟังค์ชั่นจับเวลาสำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง (เมื่อขับขี่ในโหมด R+) ได้อย่างครบถ้วน
เรือนไมล์ Honda LogR พร้อมเบาะทีโอบกระชับ
ภายในห้องโดยสารของ Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6 มาพร้อมเบาะ Bucket Seat หนังกลับสีแดง ที่ช่วยเติมความกระชับให้กับผู้ขับขี่ เช่นเดียวกับพวงมาลัยหนังที่เย็บด้วยด้ายสีแดง ซึ่งจับคู่กับหัวเกียร์อลูมิเนียมขัดมันได้อย่างลงตัว การออกแบบคอนโซลในภาพรวม มีความคล้ายคลึงกับ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 ที่ให้สัมผัสในแบบฉบับความเป็นรถระดับพรีเมี่ยม โดยหน้าจออินโฟเทนเม้นท์มาในขนาด 10.2 นิ้ว ปิดท้ายด้วยป้าน Badge Type R พร้อมตัวเลข Run Number ที่บ่งบอกลำดับในการผลิต
ล้อเล็กลง แต่ยางกว้างขึ้น 2 ไซส์ !!!
เช่นเดียวกัน ทางค่ายยังไม่ได้ออกมาเผยข้อมูลการพัฒนารูปแบบตัวถังของ Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6 ว่าต่างกับ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 อย่างไร แต่สิ่งที่แน่ๆ เลยก็คือ การออกแบบโครงสร้างให้มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงมากขึ้น เช่นเดียวกับระบบช่วงล่างที่ได้รับการอัพเกรดเพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคมและมีเสถียรภาพที่ดีกว่าเดิม ด้านระบบเบรกมาพร้อมคาลิเปอร์จาก Brembo แบบ Monoblock 4 POT จับคู่จานที่ไม่ได้มีการเจาะรูหรือเซาะร่องแต่อย่างใด โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนที่สุดสำหรับ Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนก็คือ การลดขนาดของล้อที่ใช้มาเป็นขนาด 19 นิ้ว (จากรุ่นก่อน คือ ล้อ 20 นิ้ว) เพื่อลดน้ำหนักรวมถึงมวลในการหมุน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่โดยรวม (เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การบังคับทิศทาง ทำได้อย่างเฉียบคมมากยิ่งขึ้น) ยางที่ใช้เป็น Michelin Pilot Sport 4 S ที่ขยับไซส์ขึ้นมาเป็น 265/30 ZR19 ทั้ง 4 ล้อ (จากเดิม 245/30 ZR20) นั่นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ หาก Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6 จะเป็นรถที่สามารถขับขี่และควบคุมได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น
ดีไซน์เรียบ แต่ลงตัว และดูไม่ฉาบฉวย
แม้ว่าล้อจะมีขนาดเล็กลง 1 นิ้ว แต่ภาพลักษณ์โดยรวมของ กลับดูไม่รู้สึกว่าเหลือพื้นที่บริเวณซุ้มล้อมากจนเกินไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการออกแบบโป่งซุ้มล้อมาให้รับกับล้อขนาด 19 นิ้ว อย่างลงตัว โดยลดช่องลมที่ออกแบบมาเกินจำเป็นในรุ่นก่อนออกไป เพื่อลดความรู้สึก “หลอกตา” ในด้านท้ายยังคงมาพร้อมชุดท่อไอเสีย 3 ท่อ พร้อมกับชุดหางหลังทรงสูง ที่ได่แรงบันดาลใจมาจากการแข่งขัน ดูรับกับบั้นท้ายในสไตล์แอทช์แบคได้อย่างพอดิบพอดี
Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6 อาจเป็นไทป์อาร์ที่ดูเรียบง่าย (เกินไป) ในสายตาของหลายๆ คน (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota GR Corolla คือ ต่างกันมาก) แต่สิ่งหนึ่งที่ถูกใส่เข้าไปก็คือ ความละเอียดอ่อนและสัมผัสที่มีความเหนือชั้นมากยิ่งขึ้น โดย Honda Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6 มาพร้อมสีตัวถังให้เลือก 5 สี คือ สีแดง Rallye Red, สีฟ้า Racing Blue Pearl, สีดำ Crystal Black Pearl, สีเทา Sonic Grey Pearl แและที่ขาดไม่ได้คือ สีขาว Championship White โดย ณ เวลานี้ ยังไม่มีการประกาศราคาออกมา แต่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 40,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ราว 1.47 ล้านบาท)
