เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Honda Civic 2022 หรือ Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 โดยใช้แนวคิดอยู่บนพืื้นฐานแห่งความเรียบง่าย ในปรัชญา Man Maximum Machine Minimum พาให้นึกย้อนไปถึง Civic เจนฯ แรก ในยุค 1970 เช่นเดียวกับในส่วนของขุมพลังที่ดูจะยกของเด็ดจากเจนเนอเรชั่นที่แล้วมาปรับใหม่ให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปออย่างชัดเจนก็คือ เรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ที่ดูทันสมัย สื่อถึงความต้องการเป็นผู้นำในคลาสอย่างที่เคยเป็นมา
การออกแบบที่เรียบง่าย แต่ได้น้ำได้เนื้อ
ด้วยแนวคิดที่เรียบง่าย Man Maximum Machine Minimum ทำให้การออกแบบ Honda Civic 2022 ดูจะไม่หวือหวา โดนใจสายว้าวมากนัก ซึ่งความโดดเด่นของการแนวคิดที่ใช้ในงานโครงสร้าง Advanced Compatibility Engineering (ACE) ก็คือ เน้นเส้นสายที่ดูบาง เบา ไม่รกตา มิติตัวถังอยู่ที่ ยาว 4,674 x กว้าง 1,802 x สูง 1,415 มม. ระยะฐานล้อ 2,735 มม. (ยาวขึ้น 35 มม.) ซึ่งความไม่รกนี้เอง ส่งให้ตัวรถ Honda Civic 2022 ดูมีความพรีเมี่ยมมามากขึ้น อีกทั้งยังออกแบบให้ลู่ลม เลื่อนแนวขอบประจกบังลมหน้าเยื้องไปด้านหลังอีก 2 นิ้ว จัดแนวเส้นที่ดูพลิ้วไหวจรดไฟท้ายแบบ LED ซึ่งในด้านหลังออกแบบให้กว้างเพื่อเติมสมรรถนะในการขับขี่ เช่นเดียวกับการปรับแอโร่ไดนามิคส์ให้ดียิ่งขึ้น โดยสีตัวถังจะมีให้เลือก 8 สี รวมถึงสีสันใหม่ 3 สี Meteorite Gray Metallic, Sonic Gray Pearl และ Morning Mist Blue Metallic
ไม่ใช่แค่หน้าจอ แต่เป็นศูนย์กลางแห่งการควบคุม
ภายในห้องโดยสารของ Honda Civic 2022 มาพร้อมการออแบบที่เน้นใช้งานจริง ผิวสัมผัสมาในรูปแบบที่เรียบง่าย ที่ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเหมือนการเลือกใช้ผิวแบบ Piano Black โดยยังคงไม่ทิ้งความรู้สึกที่เป็นพรีเมี่ยม หน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมด้วยหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 7 นิ้ว ในรุ่นมาตรฐาน ส่วนในรุ่นย่อย Touring ซึ่งเป็นรุ่นท็อป จะมาพร้อมหน้าจอขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับ Apple Carplay, Android Auto และมีระบบ Qi Wireless Charge มาให้ใช้งาน โดยที่ด้านล่างของหน้าจอ ออกแบบให้มีจุดวางนิ้วขนาด 0.8 นิ้ว เพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ระบบปรับอากาศมาในรูปแบบอัตโนมัติ หมุนปรับอุณหภูมิแยกส่วน ช่องแอร์เน้นดีไซน์เรียบง่าย กลมกลืนด้วยช่องรังผึ้งพาดยาวเต็มคอนโซล ระบบเครื่องเสียงจัดเต็มด้วยชุดลำโพง Bose 12 ตำแหน่ง ในภาพรวมของดีไซน์ภายในของ Honda Civic 2022 ไม่ได้ออกแบบให้ดูเรียบง่ายเท่านั้น แต่ยังเน้นการให้ทัศนวิสัยที่โดดเด่นกับผู้ขับขี่อีกด้วย และด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ ส่งให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้นในทุกมิติ
เบาลง แต่แกร่งขึ้น จัดเต็มความปลอดภัย เทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง
ข้อดีของการใช้โครงสร้าง Advanced Compatibility Engineering (ACE) ใน Honda Civic 2022 ก็คือ นอกจากตัวรถจะมีน้ำหนักที่เบาแล้ว จะยังได้ความแข็งแรงของถังถังที่มากขึ้น ด้วยการเลือกใช้วัสดุทั้งเหล็ก และอลูมิเนียม ในเกรดที่ดีมากขึ้น สามารถเพิ่มความแข็งแรงกว่ารุ่นก่อนถึง 13% และลดการบิดตัวของตัวรถได้มากขึ้น 8% ซึ่งเมื่อรวมกับการขยายความกว้าของช่วงล้ออีกประมาณ 35 มม. นอกจากนี้ยังออกแบบถุงลมนิรภัยใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถลดการบาดเจ็บของสมอง โดยควบคุมทิศทางการเคลื่อนไหวของศีรษะให้อยู่ในจุดที่ก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนน้อยที่สุด ที่ขาดไม่ได้คือ การมาพร้อมระบบ Honda Sensing ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ด้วยมุมมองที่กว้าง และการประมวลผลที่มีความละเอียดและเร็วมากขึ้น เช่นเดียวกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ปรับการทำงานให้สมูทมากขึ้น ซึ่งทำให้ Honda Civic 2022 สร้างประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ความท้าทายครั้งใหม่ ในหัวใจดวงเดิม
ในส่วนของขุมพลังของ Honda Civic 2022 เราอาจคุ้ยเคยกันมาพอสมควรแล้ว เริ่มต้นที่บล็อค 2.0 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลัง 158 แรงม้า แรงบิด 188 นิวตัน-เมตร ส่วนอีกบล็อกเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่มีการขยับพละกำลังให้สูงขึ้นเป็น 180 แรงม้า (เดิม 173 แรงม้า กับ 220 นิวตัน-เมตร) และแรงบิด 240 นิวตัน-เมตร โดยขุมพลังทั้งคู่ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ CVT ที่ได้รับการออกแบบให้มีแรงเสียดทานที่ต่ำลง พร้อมออกแบบให้สามารถลดเกียร์เพื่อสร้าง Engine Brake ได้อีกด้วย โดยนอกจากพละกำลังที่เพิ่มขึ้นแล้ว สิ่งหนึ่งได้ได้มาเป็นของแถมก็คือ อัตราสิ้นเปลืองที่ดีขึ้น
Honda Civic 2022 มีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงกลางปีนี้ โดยฝั่งเมริกาเหนือ จะผลิตที่โรงงานของ Honda ในเมือง Alliston รัฐออนแทรีโอประเทศแคนาดา ส่วนรุ่นแฮทช์แบคซึ่งจะตามมาในอีกไม่กี่เดือน จะผลิตที่โรงงาน Greensburg รัฐอินเดียนาของ บริษัท ยังไม่มีการประกาศราคา แต่คาดว่าในรุ่นเริ่มต้นจะสูงกว่ากว่าราคาของโฉมปัจจุบันที่ 22,150 ดอลลาร์ฯ อยู่เล็กน้อย ส่วนในบ้านเรา…กว่าจะได้สัมผัส Honda Civic 2022 คงอาจจะต้องรอไปถึงปีหน้าเลยทีเดียว
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Carscoop