ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน รถยนต์พลังงานทางเลือก ล้วนมีบทบาทกับชีวิตคนใช้รถใช้ถนนอย่างเราๆ ท่านๆ มากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ ขับ..ซ่า เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ การเลือกรูปแบบรถยนต์พลังงานทางเลือก…แบบไหนที่เหมาะกันเรา ? มาในครั้งนี้ ขับ..ซ่า ได้รวบรวมตัวเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน หรือ Battery Electric Vehicle รุ่นและแบรนด์ชั้นนำในบ้านเรา มาเปรียบเทียบสเป็ค ราคา รวมถึงสมรรถนะในด้านต่างๆ มาเทียบให้ทุกท่านได้เห็นภาพชัดๆ ในแบบฉบับที่ไม่สนโลก ไม่สนคลาสอะไรใดๆ ใครเจ๋งกว่าสในด้านไหน…ก็ว่ากันไปตามสิ่งที่เห็นด้วยตัวเลข ใครจะเป็นที่สุดในด้านใดบ้าง…ไปชมกันครับ
การเปรียบเทียบสเป็ครถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ BEV ในครั้งนี้ อ้างอิงจากค่ายรถยนต์ที่นำรถที่นำรถในรูปแบบ BEV มาจำหน่าย (และโชว์ตัว) ในงาน Motor Show 2021 ซึ่งประกอบไปด้วยแบรนด์น้องใหม่อย่าง Ora ที่นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าดีไซน์น่ารักมาโชว์ตัว ก่อนทำตลาดในไทยทั้งรุ่นพี่อย่าง Good Cat ที่เผยโฉมไปก่อนหน้านี้ รวมถึงน้องใหม่ล่าสุด Black Cat ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมไม่แพ้กัน ส่วนเจ้าตลาดอย่าง MG ส่งตัวแทนทั้ง MG EP และ MG ZS EV มาร่วมสู้ ด้าน Nissan มาพร้อม Leaf หนึ่งในรถไฟฟ้ายุคบุกเบิกตลาดเมืองไทย เช่นเดียวกับ Hyundai Kona Electric ปิดท้ายค่ายฝั่งเอเซียด้วย Lexus UX 300e ส่วนฝั่งยุโรปประเดิมด้วยรถเล็ก สเป็คไม่ธรรมดาอย่าง Mini Electric ตามด้วยน้องใหม่ (แต่หน้าเก่า) ในวงการอย่าง Volvo XC40 Recharge Pure Electric โดยค่ายที่จัดเต็มรถในรูปแบบ BEV มากที่สุดคือ Audi งานนี้มีมาถึง 5 รุ่น ประกอบด้วย รถในตระกูล e-tron GT quattro 3 รุ่น และ e-tron 55 อีก 2 รุ่น ปิดท้ายด้วยค่าย Porsche Taycan ที่มีให้เลือกกันถึง 3 รุ่นย่อย (ซึ่งหากนักรวมกับ Taycan Cross Turismo ที่เพิ่งเปิดตัวในต่างประเทศ และเปิดให้จองแล้ว…ก็จะมีให้เลือกอีก 3 รุ่นย่อย)
แรงสุดในงาน…คงต้องยกให้คันนี้ มองแบบไม่สนคลาส…ณ เวลานี้ เรายกมาให้ชมกันแบบเต็มอิ่มถึง 16 รุ่น จากทุกเซ็กเม้นท์ที่มีการปรากฏตัวในงาน Motor Show 2021 ซึ่งหากอ้างอิงจากพละกำลัง สิ่งหนึ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ว่าเป็นตัวกำหนดความเข้มข้นของสมรรถนะ ก็คือ รูปแบบในการใช้งาน Porsche Taycan Turbo S ที่เป็นรถในรูปแบบซูเปอร์สปอร์ตซาลูน ให้กำลังออกมามากที่สุด โดยแรงม้าปกติ อาจเทียบเท่ากับรุ่นรองลงมาอย่าง Porsche Taycan Turbo แต่หากต้องการทีเด็ดทีขาดในการเร่งหรือปลดปล่อยพละกำลังในช่วงสั้นๆ รุ่นย่อย Turbo S ทำได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องแรงบิด ที่ดีดขึ้นไปได้สูงถึงระดับกว่า 1,000 นิวตัน-เมตร ในขณะเดียวกัน เราได้เห็นการวางตำแหน่งที่ชัดเจน ระหว่าง Porsche Taycan และคู่แฝดต่างฝาที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันอย่าง Audi e-tron ซึ่งตัวแรงสุดอย่างรุ่น RS e-tron GT quattro วางระดับไว้เทียบเท่า Porsche Taycan Turbo ซึ่งเป็นรุ่นความแรงระดับกลางเท่านั้น
Ora Black Cat ชัดเจนว่า…เกิดมาเพื่อการใช้งานในเมืองล้วนๆ
รถที่มีพละกำลังน้อยที่สุด ไม่แปลกใจหากจะเป็นของน้องเล็กสุดน่ารักอย่าง Ora Black Cat ที่ 48 แรงม้า 125 นิวตัน-เมตร (เทียบเท่าเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในรถที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในงาน ด้วยดีไซน์ที่มีความโดดเด่น กับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เน้นเพื่อการใช้งานในชีวิตปประจำวันโดยเฉพาะ (ซึ่งคาดว่า…ค่าตัวควรจะมาในระดับที่เข้าถึงได้ง่ายด้วยเช่นกัน) นอกจากนี้ก็ยังมีรุ่นพี่อย่าง Ora Good Cat ที่มีสมรรถนะสูงในระดับเทียบเท่าเครื่องยนต์ประมาณ 2.0 ลิตร แต่ก็ยังแอบแปลกใจอยู่เล็กน้อย ที่แม้จะมีแรงม้าที่ค่อนข้างสูง แต่แรงบิด (ซึ่งควรจะเป็นจุดเด่นของรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า) กลับทำได้ไม่สูงเท่าที่ควร เหมือนเป็นรถที่เน้นเพื่อการใช้งาน ขับขี่ไกลๆ ไม่เน้นเรื่องอัตราเร่งแบบเฉียบพลันอย่างที่ควรจะเป็น (แรงม้ามากกว่า MG EP อยู่ 13 ตัว แต่แรงบิดกลับน้อยกว่าถึง 65 นิวตัน-เมตร)
Volvo XC40 Recharge Pure Electric รถที่สร้างบาลานซ์ระหว่าง 2 กลุ่ม ได้อย่างน่าสนใจ
หากเทียบแบบง่ายๆ ว่า ตารางด้านบนนับว่าเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั่วไป ส่วนด้านล่างเป็นตารางสำหรับรถไฮเอนด์ เน้นสมรรถนะ จุดสังเกตในที่นี้ คือ จะมีรถอยู่หนึ่งรุ่นที่สามารถสอดแทรกได้โดยตรงในทั้ง 2 กลุ่ม นั่นก็คือ Volvo XC40 Recharge Pure Electric ที่ให้สมรรถนะสูงถึง 408 แรงม้า 660 นิวตัน-เมตร และมีรูปแบบการขับเคลื่อนสี่ล้อ จากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุดได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งความน่าสนใจจากรถค่ายไวกิ้งซิ่งสายฟ้า ไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้…แต่ยังมีเรื่องให่เราได้พูดถึงในหัวข้อถัดไปอยู่เรื่อยๆ !
ภาพลักษณ์ดูดี ค่าตัวไปได้ แต่…วิ่งได้น้อยไปนิด
จากตัวเลขพละกำลังที่เป็น Source ในการปล่อย Output ในหัวข้อนี้ รถที่มีอัตราเร่งดีที่สุด คงหนีไม่พ้น Porsche Taycan Turbo S ที่ทำได้ในระดับเลข 2.x วิ. เพียงรุ่นเดียว จากรถทั้งหมดที่มี ณ ปัจจุบัน ตามมาด้วยแฝดต่างฝา Porsche Taycan Turbo และ Audi RS e-tron GT quattro ที่แม้ว่าหากดูจากตัวเลขจะต่างหรือเหลื่อมกันไปบ้าง แต่สำหรับการใช้งานจริงบนท้องถนน เชื่อว่าอยู่ในระดับที่ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ หากขับขี่ในเงื่อนไขเดียวกันทุกประการ (ยกเว้นการวิ่งแช่ยาวๆ ด้วยความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดในระดับต่างกันนะ 555) ที่เห็นความต่างในเรื่องระยะทางที่วิ่งได้ อันที่จริงแล้วเป็นการนำเสนอตามมาตรฐานที่แตกต่างกันของแต่ละค่าย (NEDC – New European Driving Cycle และมาตรฐานใหม่ WLTP – Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว มาตรฐาน NEDC จะแสดงตัวเลขที่สูงกว่าอยู่ประมาณ 10-20% แต่สุดท้าย…สิ่งที่มีผลต่อระยะทางในการวิ่งมากที่สุด คือ พฤติกรรมในการขับขี่ของผู้ใช้) แต่ความแน่นอนที่มิอาจปฏิเสธไม่ได้คือ ด้วยความจุแบตเตอรี่ในระดับเดียวกัน ยิ่งเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง ก็ย่อมแปรผกผันกับระยะทางในการใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…ม้าที่แข็งแรง กินหญ้าเยอะฉันท์ใด มอเตอร์ที่กำลังสูง ก็ย่อมต้องการไฟในปริมาณมากขึ้นฉันท์นั้น
Lexus UX300e ตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้ในทั้ง 2 มาตรฐานการทดสอบ อยู่ที่ 300 และ 360 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ในทางตรงข้ามกัน Ora Black Cat ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในเมืองอย่างแท้จริง ด้วยตัวเลขความเร็สูงสุดเพียง 102 กม./ชม. เท่านั้น ด้านรุ่นพี่ Good Cat เป็นรถที่ให้สมรรถนะได้อย่างน่าสนใจ ความแรงนั้นสามารถเกาะกลุ่มเพื่อนร่วมชาติได้แบบสบายๆ แต่สิ่งที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน คือ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ด้วยความจุของแบตเตอรี่ที่มีมากกว่า โดยเป็นรองเพียงคู่แฝดสี่ห่วง Audi e-tron GT quattro และ Audi e-tron GT quattro Performance เท่านั้น ส่วนรถที่ทำตัวเลข 0-100 กม./ชม. ได้น่าสนใจอย่าง Mini Electric กลับวิ่งได้เพียง 200 กม. นิดๆ ด้วยความจุของแบตเตอรี่ที่มากกว่า Ora Black Cat เพียงน้อยนิด
แม้จะเป็นรถเพื่อการใช้งานทั่วไป แต่มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งใน MG EP ก็สามารถทำความเร็วได้ถึง 185 กม./ชม.
มาถึงตรงนี้…เรายังคงเห็นความน่าสนใจในตัว Volvo XC40 Recharge Pure Electric ที่สามารถบาลานซ์ระหว่างพละกำลัง รวมถึงประสิทธิภาพในการใช้งานออกมาได้อย่างพอเหมาะ คือ เป็นรถที่ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในระดับต่ำกว่า 5 วิ. และยังวิ่งได้ไกลถึง 400 กม. (ความต่างระหว่างตัวเลขที่แสดงทั้งในมาตรฐาน WLTP และ NEDC ต่างกันเพียง 20 กม. ซึ่งคิดเป็น 50% เท่านั้น) จะขาดก็เพียงความเร็วสูงสุด ที่ยังเป็นรองรถในกลุ่มพรีเมี่ยมทั้งหมด รวมถึงยังเป็นรอง MG EP ซึ่งเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท รุ่นเดียวในประเทศไทย ณ เวลานี้ อีกด้วย (แลกมาด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และระยะทางในการวิ่งที่ไกลกว่า)
ของดี…แต่ผู้ใช้เข้าถึงไม่ไหว ก็ยากที่จะบรรลุเป้าหมาย
ราคา
แค่เข้าถึงได้…เรื่องอื่นก็แค่องค์ประกอบ
สองล้านกลางๆ ได้ SUV พรีเมี่ยม กำลังเกิน 400 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ…คุ้มค่ายากเกินปฏิเสธ
ณ ปัจจุบัน ถ้าเอาความง่ายในการเข้าถึงเป็นที่ตั้ง แน่นอนว่า MG Brother ทั้ง EP และ ZS EV กินขาดแบบตลาดแตก เพราะถือว่าเป็นแค่ 2 รุ่น ที่มนุษย์เงินเดือนสามารถเข้าถึงได้ แต่หากมองข้ามช็อตไปถึงอนาคตอันใกล้ การเข้ามาของ Ora Good Cat และ Ora Black Cat ก็น่าจะทำให้การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไไฟฟ้าเป็นไปอย่างสนุกมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเปิดเซ็กเม้นท์ใหม่ เพื่อคนที่ต้องการรถ EV สำหรับการใช้งานในเมืองอย่างแท้จริงอีกด้วย
แต่หากคุณเป็นคนที่มีกำลังขึ้นมาสักหน่อย มองหาตัวเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในระดับ 2-3 ล้านบาท ตัวเลือกที่ฉายแสงวาบ !!! ขึ้นมาในทันที คงหนีไม่พ้น Volvo XC40 Recharge Pure Electric ซึ่งเป็นรถที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นพรีเมี่ยม และสมรรถนะในระดับสูงได้แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ จะปฏิเสธ คือ ถ้านับเรื่องเหตุผลและความคุ้มค่าล้วนๆ สายลุยสวีดิชผู้นี้…กินขาดทุกประตูจริงๆ ในขณะเดียวกัน หากเป็นรถในระดับพรีเมี่ยม (มาก) แม้ว่า Audi e-tron GT quattro กับPorsche Taycan แม้จะพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานที่ใกล้เคียงกัน แต่การจะซื้อรถในระดับนี้ได้ สิ่งหนึ่งที่ต้องมีมากกว่าเหตุผล ก็คือ เรื่องของ “อารมณ์” ส่วนต่างตั้งแต่ 3-6 แสนบาท อาจไม่ใช่ประเด็นหลักในการพิจารณา…ถ้าถูกใจ !
