หนึ่งเรื่องมาตรฐานที่ผู้ใช้รถ EV สงสัย…ไฟในแบตเตอรี่หายแค่ไหน เมื่อต้องวิ่งในสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดๆ ? อันที่จริงแล้ว…นี่คือ เรื่องปกติของการใช้งานแบตเตอรี่ในภาพอากาศที่หนาวเย็น งานนี้อาจเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน สำหรับผู้ใช้งานรถ EV ในประเทศเมืองหนาว (ซึ่งบ้านเราไม่เกี่ยว…แต่เอามาให้ดูเป็นกรณีศึกษา) มาดูกันว่า ประสิทธิภาพของรถ EV เมื่อต้องเจอกับอุณหภูมิที่หนาวเย็น แบตเตอรี่ของค่ายไหน จะยังคงประสิทธิภาพของตัวเองไว้ได้มากที่สุด

Human Horizons HiPhi Z รถที่แบตเตอรี่สูญเสียประสิทธิภาพน้อยที่สุดใน 23 รุ่น เมื่อต้องใช้งานในอุณหภูมิติดลบ
จากการทดสอบล่าสุดในประเทศนอร์เวย์ โดย สหพันธ์ยานยนต์แห่งนอร์เวย์ หรือ Norwegian Automobile Federation (NAF) พบว่า หากต้องใช้งานรถ EV 23 รุ่น ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นในระดับติดลบ (-2 ถึง -10 องศาเซลเซียส) ในช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา มีเพียงคันเดียวเท่านั้น ที่ปริมาณไฟในแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่า 6% นั่นก็คือ Human Horizons HiPhi Z แบรนด์รถ EV จากประเทศจีน โดยยังเป็นคันเดียวจากรถที่นำมาทดสอบ ที่แบตเตอรี่สูญเสียพลังงานในสภาพอากาศหนาวน้อยกว่า 10% และแม้ว่ารถ EV คันดังกล่าว จะไม่ได้เคลมระยะการเดินทางในมาตรฐาน WLTP ได้มากที่สุด แต่กลับเป็นรถที่วิ่งได้ไกลที่สุดถึง 522 กม. (324.3 ไมล์) จากการทดสอบในครั้งนี้ ด้วยประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ที่สูญเสียพลังงานน้อยที่สุดในสภาพอากาศติดลบ ซึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับ ระบบควบคุมอุณหภูมิของเบตเตอรี่ (Battery Thermal Management System) ที่ทางค่ายพัฒนาขึ้นเอง ส่วนอีก 22 คันที่เหลือ ปริมาณไฟในแบตเตอรี่จะลดลงตั้งแต่ 12-32% ตามรายละเอียดในตารางด้านล่าง
Model | Range (WLTP) | Winter Range | Diff. (km) | Diff. % |
HiPhi Z | 555 km | 522 km | -33 km | -5.9% |
BMW i5 | 505 km | 443.6 km | -61.4 km | -12.2% |
Lotus Eletre | 530 km | 464.6 km | -65.4 km | -12.3% |
Kia EV9 | 505 km | 441.9 km | -63.1 km | -12.5% |
XPeng G9 | 520 km | 451.8 km | -68.2 km | -13.1% |
NIO EL6 | 529 km | 456 km | -73 km | -13.8% |
NIO ET5 Touring | 560 km | 481.4 km | -78.6 km | -14.0% |
Mercedes EQE 350 4MATIC | 491 km | 399 km | -92 km | -18.7% |
Audi Q8 e-tron Sportback | 515 km | 411.4 km | -103.6 km | -20.1% |
BYD Dolphin | 427 km | 339.2 km | -87.8 km | -20.6% |
Ford F-150 Lightning | 429 km | 337.5 km | -91.5 km | -21.3% |
MG4 Trophy ER | 520 km | 399.6 km | -120.4 km | -23.2% |
Hyundai IONIQ 6 | 614 km | 467.8 km | -146.2 km | -23.8% |
Hyundai Kona EV | 454 km | 341.3 km | -112.7 km | -24.8% |
Nissan Ariya 4wd | 498 km | 369.4 km | -128.6 km | -25.8% |
Peugeot e-308 | 409 km | 297 km | -112 km | -27.4% |
Jeep Avenger | 395 km | 286 km | -109 km | -27.6% |
Opel Astra ST | 413 km | 296 km | -117 km | -28.3% |
Tesla Model 3 | 629 km | 441 km | -188 km | -29.9% |
Polestar 2 LR | 614 km | 430 km | -184 km | -30.0% |
Volvo C40 | 572 km | 395 km | -177 km | -30.9% |
Toyota bZ4X | 460 km | 313.5 km | -146.5 km | -31.8% |
VW ID.7 | 608 km | 414 km | -194 km | -31.9% |
สำหรับอันดับที่ 2 อย่าง BMW i5 แบตเตอรี่จะสูญเสียประสิทธิภาพ 12.2% จากระยะที่เคลม 505 กม. เหลือเพียง 443 กม. ซึ่งผลที่ได้ออกมานั้น ถือว่ามีความใกล้เคียงกับ Kia EV9 และ Lotus Eletre ขณะเดียวกัน รถ EV ยอดนิยมในประเทศไทยอย่าง BYD Dolphin รวมถึง MG 4 Electric (คันที่ทดสอบเป็นรุ่น Long Range) ประสิทธิภาพขอองแบตเตอรี่จะลดลง 20.6% และ 23.2% ตามลำดับ เมื่อต้องใช้งานในภาพอากาศหนาวระดับติดลบ ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ Ford F-150 Lightning และ Hyundai IONIQ 6

Tesla Model 3 Highland หนึ่งในรถที่แบตเตอรี่สูญเสียพลังงานมากที่สุดในอุณหภูมิติดลบ โดยระยะทางการวิ่งลดลงถึง 29.9%
ส่วนคันที่ “อาการน่าเป็นห่วง” หากต้องใช้งานในสภาพอากาศที่ติดลบ คือ กลุ่มรถ EV ที่ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ลดลงกว่า 30% ซึ่งหมายถึงระยะการเดินทางต่อชาร์จจะหายไปราว 1/3 ของระยะการเดินทางที่เคลมไว้ ประกอบไปด้วย Tesla Model 3 ที่ประสิทธืภาพของแบตเตอรี่ลดลงถึง 29.9% (เคลมไว้ 614 กม. วิ่งได้จริง 430 กม.), Volvo C40 ที่ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ลดลง 30.9% (เคลมไว้ 572 กม. วิ่งได้จริง 395 กม.) และ Toyota bZ4X ที่ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ลดลง 31.8% (เคลมไว้ 460 กม. วิ่งได้จริง 313 กม.) ทั้งนี้ทั้งนั้น การทดสอบดังเล่าว เป็นกาารทดสอบในช่วงอุณหภุมิติดลบ ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะสูญเสียคุณสมบัติทางไฟฟ้าอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หากการใช้งานในสภาพอุณหภูมิปกติ (20-35 องศาเซลเซียส) แต่เตอรี่สำหรับรถ EV ดังกล่าว จะให้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับที่ค่ายรถยนต์เคลมเอาไว้