“ปล้อน” นั้น หลังจากเหงือกหายอักเสบ ก็วิ่งหูลู่ร่าเริงรอบบ้านไม่หยุดหย่อน จำได้ว่ายังเขียนมอไซค์ไฟฟ้าค้างไว้เลยมาว่าต่อวันนี้
กล่าวถึงยุคที่สอง ในช่วง1950-1980 มีการปรับปรุงแบตเตอรี่ มอเตอร์ เรื่องแบตเตอรี่นั้นไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาพัฒนา เซลล์ไฟฟ้าแบบต่างๆ มีการผสมผสานระหว่าง Fuel cell/Nickel–cadmium battery จนถึง Hydrazine fuel cell ขี่ได้ถึง 320 กม.ต่อน้ำมัน 1 แกลลอน แต่ยังบิดได้แค่ 40 กม./ชม. เคยมีการนำมอไซค์ไฟฟ้า 24 โวลท์สร้างพิเศษไปทำสถิติความเร็วสูงสุดไว้ที่ 266.165 กม/ชม.
ยุคที่สาม ช่วง1981-2000 มีทั้งนำมาลงแข่งความเร็ว ขายเชิงพาณิชย์ ผลิตจำนวนมาก แยกประเภทมอเตอร์ไซค์และสกูตเตอร์ชัดเจน กระจายการขายระดับโลก มีการทำสถิติใหม่ที่สนามทดสอบผิวเกลือ Bonneville มันทำ ¼ ไมล์ประมาณ 12-13 วินาทีตอนปี 1988 และลดลงมาเหลือแค่ 9.450 วินาที โดยทำความเร็วสูงสุดขึ้นไปถึง 346.80 กม./ชม.ในปี 2000
ยุคที่สี่ ช่วง 2001-ปัจจุบัน เข้าสู่กระแสรักษ์โลก ประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะ ภาครัฐให้การสนับสนุน ช่องทางการขายเพิ่มจาก OEM, B2B ดั้งเดิม สู่ e-Commerce ผู้บริโภคเปิดรับมากขึ้น ขยายโครงสร้างพื้นฐานรองรับด้านสถานีชาร์จ ปรับปรุงประสิทธิภาพแบต มอเตอร์ น้ำหนักลดลง ระยะการใช้ต่อชาร์จยาวขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น
กระแส 3U’s ยุคหลัง 2020 : Using, Utility, Urbanization
การเคลื่อนตัวของผู้คนเข้ามาอยู่เขตเมืองใหญ่มากขึ้น ‘Urbanization’ จอแจแออัด ปัญหามลพิษ มอไซค์ไฟฟ้าก็ต้องปรับตัวให้เหมาะกับใช้ในเมืองมากชึ้น เล็ก เบา สวยงาม พับเก็บได้ บางตลาดใช้ระบบ “พลังขาถีบเสริม” ได้ทำนองไฮบริดคน-มอเตอร์ ไลฟ์สไตล์สายสุขภาพ ผจญภัย หนุนให้ผู้ผลิตพัฒนารถมาขายกลุ่มนักปั่นจักรยาน นำมาเป็นพาหนะใช้ในเมือง YAMAHA ทำ e-Bicycle ออกมาเจาะตลาดย่อยลงไปอีกเช่น สายสปีด สายเสือภูเขา สายบ้าน มีการทำชุดคิทตอยสนอง “สาย DIY” ให้นำมาประกอบเอง มีชุดดัดแปลงจักรยานทั่วไปเป็น e-Bike ได้ด้วย
เท่านี้ก่อนนะ หิวแร้ววว คร๊าบบบ ………