Home » Super Sport vs Sport Touring ต่างกันตรงไหน ? เอาปากกามาวงให้เห็นกันชัดๆ !

Super Sport vs Sport Touring ต่างกันตรงไหน ? เอาปากกามาวงให้เห็นกันชัดๆ !

by Admin clubza.tv

Bigbike ที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วโลก ล้วนแล้วแต่ออกแบบให้มีภาพลักษณ์ ภายใต้สไตล์ และคุณสมบัติในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยรถที่ออกแบบมาสำหรับนักเดินทางทางโดยตรง มักจะถูกเรียกว่า Touring ซึ่งด้วยความเป็นตัวริ่งนั้น ก็จะแยกย่อยออกไปอีก เช่น Touring Adventure (ฺBMW R1250 GS, Yamaha Super Tenere) ที่เน้นการเดินทางที่ผสานระหว่างการขับขี่บนถนนและเอาไปลุยได้ในสไตล์ออฟโร๊ด หรือจะเป็น Touring Sport (BMW S1000 XR, Yamaha Tracer 900 GT) ที่เน้นการขับขี่เดินทางบนถนนเป็นหลัก เน้นความสบายและประโยชน์ใช้สอยที่ครอบคุลม ในทางตรงข้ามกัน ยังมีกลุ่มรถที่เรียกว่า Sport ซึ่งแยกย่อยตามลักษณะการใช้งานเช่นเดียวกับรถทัวริ่ง ซึ่งโดยทั่วไป หากเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการแข่งขัน เรามักจะคุ้นเคยในชื่อ Super Sport (ฺHonda CBR600 RR, Kawasaki ZX10) ส่วนสปอรืตอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เน้นการใช้งานบนถนนได้อย่างสะดวกมากขึ้น ชื่อที่เราจะได้ยินคือ มอเตอร์ไซค์แนว Sport Touring (Honda CBR650 R, Kawasaki Ninja 650) สิ่งที่หลายคนอยากรู้คือ โดยทั่วไปแล้ว เขามีีการแบ่งกันอย่างไร ว่าบิ๊กไบคืคันไหนจะเรียกว่า Super Sport หรือ Sport Touring ในครั้งนี้ #ทีมขับซ่า มีคำตอบมาให้หายสงสัยกันครับ

Ducati Panigale V2 มอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Super Sport

Ducati SuperSport 950 มอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Sport Touring (ต่างกับชื่ออย่างสิ้นเชิง)

ภาพลักษณ์ดีไซน์ อารมณ์และมุมมองที่ต่างกัน

สิ่งที่สังเกตง่ายที่สุด ระหว่างความแตกต่างของบิ๊กไบค์สไตล์ที่เรียกว่า Super Sport และ Sport Touring นั่นคือ เรื่องของภาพลักษณ์ ในจุดนี้แม้ว่าจะมองได้ง่ายด้วยตาเปล่า แต่อาจจะต้องใช้ประสบการณ์ในการพิจารณาสักหน่อย หลักๆ ก็คงจะเป็นเรื่องดีไซน์และรายละเอียดต่างๆ เช่น การออกแบบชุดแฟริ่ง รถในสไตล์ Super Sport ล้วนได้รับการดีไซน์ชิ้นส่วนต่างๆ ให้มีแอโร่ไดนามิคส์ที่ดีมากขึ้น ซึ่งทำให้เมื่อเห็นแล้วจะรู้สึกได้ทันทีว่า รถคันนั้นมีความเป็นสปอร์ตมากกว่ารถในสไตล์ Sport Touring นอกจากนี้ดีไซน์ของเบาะนั่งทั้งแบบ 2 ตอนแยก เล่นระดับ หรือตอนเดียวทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อน ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่พอจะบ่งบอกถึงความต่างของรถใน 2 รูปแบบ นี้ได้

แฮนด์ Clip On จับใต้แผงคอ คาแร็กเตอร์หนึ่งของรถ Super Sport

ส่วนรถ Sport Touring โดยส่วนมาก ตำแหน่งแฮนด์จะวางเหนือแผงคอ พร้อมยกให้สูงขึ้น

ตำแหน่งและรูปแบบของแฮนด์ การออกแบบถังน้ำมัน รวมถึงตำแหน่งพักเท้า

คุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของรถในสไตล์ Super Sport ที่แตกต่างกับรถ Sport Touring อย่างชัดเจนเลยก็คือ ชุดแฮนด์ ซึ่งทั้งหมดของมอเตอร์ไซค์แนว Super Sport จะใช้แฮนด์ในรูปแบบ Clip On จับโช้กใต้แผงคอ เพื่อให้การจัดท่านั่งมีความกระชับ พร้อมที่จะควบคุมรถในขณะเลี้ยวโค้ง หรือหมอบในความเร็วสูง ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ในส่วนของถังน้ำมันจะเน้นการดีไซน์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหนีบถังได้แบบกระชับ เพื่อให้การจัดท่าทางในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ทำได้อย่างมั่นใจ ซึ่งสอดคล้องกับการวางตำแหน่งของพักเท้า ที่ยกขึ้นสูงและเยื้องไปทางด้านหลังมากกว่า ส่งผลให้ระยะขาผู้ขับขี่ สามารถหนีบถังได้ในตำแหน่งที่เหมาะสม รวมถึงยังช่วยให้สามารถแบนรถได้ในองศาที่สูงขึ้น โดยไม่เสี่ยงต่อการครูดของพักเท้ากับพื้นแทร็ก ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายในขณะที่แบนโค้ง

ส่วนบิ๊กไบค์ที่มาในรูปแบบ Sport Touring ที่เห็นโดยทั่วไป ชุดแฮนด์มีทั้งแบบที่เป็นคลิปออน จับทั้งบนแผงคอ และใต้แผงคอ (แต่ยกตำแหน่งให้สูงขึ้น) หรือสำหรับบางรุ่น อาจมาในรูปแบบแฮนด์บาร์วางอยู่บนตุ๊กตาแฮนด์ เช่นเดียวกับรถ Naked Bike หรือรถ Touring Bike การออกแบบถังน้ำมัน อาจไม่จำเป็นต้องเน้นเหลี่ยมสันมากเหมือนกับรถ Super Sport แต่เน้นขนาดที่ใหญ่เพื่อความยืดหยุ่นในการเดินทางมากขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของพักเท้า ยังออกแบบให้ต่ำและดิ่งตรงจากตำแหน่งการนั่งของผู้ขับขี่ เพื่อลดความเมื่อยล้าหากต้องขับขี่ในระยะทางที่ไกลมากขึ้น

เครื่องยนต์ยิ่งต้องใช้รอบสูง ก็ย่อมต้องใช้ชิ้นส่วนภายในที่มีความทนทานมากขึ้นตามไปด้วย

คาแร็กเตอร์และช่วง Power Band ของเครื่องยนต์

คาแร็กเตอร์ของเครื่องยนต์ คือ อีกปัจจัยสำคัญที่กำหนดคลาสของบิ๊กไบค์ได้อย่างชัดเจนที่สุด โดยรถที่มาในสไตล์ Super Sport ที่เน้นสร้างมาเพื่อการแข่งขัน สิ่งหนึ่งที่รถเหล่านี้ต้องการ คือ พละกำลังในระดับสูง ซึ่งการจะเรียกกำลังได้สูงนั้น ย่อมต้องมีการกำหนดองค์ประกอบภายในเครื่องยนต์มาอย่างเหมาะสม เช่น การออกแบบโปรไฟล์ของแค็มชาฟท์ที่ต้องเน้นการสร้างกำลังในรอบสูงเป็นหลัก เพื่อให้การรีดอากาศเข้าสูู่ห้องเผาไหม้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่จำกัดมาก ดังนั้นรถในสไตล์ Super Sport โดยส่วนใหญ่ มักจะใช้แค็มชาฟท์ที่มีองศาสูงกว่ารถในรูปแบบ Sport Touring หรือ Naked Bike แม้ในรถที่มาในเครื่องยนต์บล็อคเดียวกัน เช่น Yamaha YZF-R1 และ MT-10, BMW S1000 RR กับ BMW S1000 XR, หรือแม้แต่คู่ระหว่าง Honda CBR600 RR และ Honda CBR650 R ซึ่งรถทั้ง 2 สไตล์ มีระดับของพละกำลัง และช่วง Power Band ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยรถในรูปแบบ Super Sport จะเน้นการสร้างกำลังในระดับหวังผลตั้งแต่รอบกลาง – รอบสูงขึ้นไป เพื่อให้มีกำลังและสร้างความเร็วให้ได้มากที่สุด สังเกตได้ว่า รถ Super Sport จะลากรอบเครื่องยนต์ได้สูงกว่ารถทั่วๆ ไป ส่วนเครื่องยนต์ของรถแนว Sport Touring ที่เน้นการใช้งานบนถนนเป็นหลัก จะเน้นกำลังในช่วงรอบต่ำ – กลาง และเน้นการสร้างแรงบิดที่สูงในรอบต่ำ เพื่อให้ตัวรถมีอัตราเร่งที่ดี และประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้้น

เทียบช่วง Power Band ของเครื่องยนต์ทั่วไป (Yamaha MT-09) กับเครื่องยนต์ของรถ Super Sport (Suzuki GSX-R600) แม้ตัวเลขจะใกล้เคียงกัน แต่ช่วงรอบในการปลดปล่อยกำลังนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การที่จะทำให้เครื่องยนต์ที่เน้นการสร้างกำลังในย่านรอบสูงให้มีความทนทานในรถ Super Sport จำเป็นต้องใช้วัสดุที่มีคุณภาพและความแข็งแรงมากกว่าเครื่องยนต์ของรถ Sport Touring เนื่องจากเครื่องยนต์ที่ต้องหมุนในรอบสูงตลอดเวลา ภายใต้อัตราส่วนกำลังอัดที่สูงกว่า จะมีความเครียดจากการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ เช่น วาล์ว สปริงวาล์ว ในระดับที่สูงกว่า หากชิ้นส่วนที่ใช้แข็งแรงไม่พอ อาจส่งผลให้เกิดการสึกหรอก่อนเวลาอันควร ต่างกับเครื่องยนต์ทั่วไป ที่เน้นการใช้งานในรอบกลาง ความเครียดจากการเเคลื่อนไหว ความร้อนจากการเสียดสี รวมถึงความรุนแรงในการจุดระเบิดย่อมน้อยกว่า จากอัตราส่วนกำลังอัดที่ต่ำกว่า ซึ่งด้วยเงื่อนไขที่ต้องชิ้นส่วนเกรดสูงในเครื่องยนต์ของรถ Super Sport ย่อมส่งผลในเรื่องต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้นตามไปด้วย จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ หากรถในสไตล์ Super Sport จะมีราคาสูงกว่ารถ Sport Touring ในพิกัดที่ใกล้เคียงกัน

Honda CBR650 R อีกหนึ่งตัวอย่างของการขยับความสปอร์ตจาก CBR650 F ที่มีความเป็น Sport Tourin แท้ๆ แต่อาจจะยังไปไม่ถึงความเป็น Super Sport

การออกแบบชุดช่วงล่าง ระบบเบรก รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่

ด้วยคุณสมบัติ สไตล์ในการขับขี่ รวมถึงพละกำลังที่แตกต่างกัน นั่นจึงเป็นเงื่อนไขให้บรรดาค่ายรถต้องพัฒนาระบบรองรับของทั้งรถ Super Sport และ Sport Touring ให้แตกต่างกันไปด้วย โดยรถในสไตล์ Super Sport ที่ออกแบบมาเพื่อการแข่งขัน โดยทั่วไปจะใช้ช่วงล่างคุณภาพสูงและสามารถปรับเซ็ตได้แบบเต็มระบบ ชุดไส้ในออกแบบมาให้รองรับการปรับได้อย่างละเอียดกว่ารถในรูปแบบ Sport Touring  เช่นเดียวกับในส่วนของชุดเบรก ที่จะมาในลักษณะพื้นฐานที่เหนือกว่า เช่น การออกแบบจุดยึด, ขนาดและจำนวนลูกสูบของคาลิเปอร์, ขนาดและรูปแบบของจานเบรก, ขนาดแม่ปั๊ม ความละเอียดในการทำงานของระบบตัวช่วยต่างๆ เช่น ABS โดยในรถรุ่นสูงๆ อาจมีเรื่องของความละเอียดในเรื่องการประมวลผลการขับขี่จากระบบ IMU ที่เป็นตัวควบคุมเสถียรภาพ รวมถึงการตอบสนองของโหมดการขับขี่มาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนในการผลิตของรถแต่ละรูปแบบเช่นกัน

ทรง Super Sport + เครื่อง Naked Bike ที่ผสานกันจนลงตัว และเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น

การผสมผสานเรื่องสไตล์ และการเข้าถึงได้ง่าย…สู่บิ๊กไบค์ในเซ็กเม้นท์ใหม่ 

ว่าก็ว่าเถอะ…แม้ว่าบิ๊กไบค์ในสไตล์ Super Sport จะเป็นรถที่สายแรงหลายคนต้องการ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงได้ ด้วยต้นทุนในการผลิตที่สูง ย่อมส่งผลให้ราคาของมอเตอร์ไซค์แนว Super Sport สูงขึ้นตามไปด้วย ต่างกับรถในสไตล์ Sport Touring ที่ไบค์เกอร์ที่มีงบประมาณกลางๆ จะเข้าถึงได้ง่ายกว่า ซึ่งด้วยช่องว่างตรงนี้ ณ ปัจจุบัน ทำให้ผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำ ต่างก็ต้องปรับตัวเพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น เกิดเป็นบิ๊กไบค์คลาสใหม่ เช่น Yamaha YZF-R7 ที่ผสานสไตล์ที่ดุดันในความเป็น Super Sport ทั้งในส่วนของภาพลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยว รวมถึงท่านั่งที่เหมาะกับการขับขี่ในสนาม โดยยังสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ลำบาก ด้วยโครงสร้างใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถในรูปแบบนี้ ด้านเครื่องยนต์นั้นเป็นการนำขุมพลังที่เคยประจำการอยู่ในรถเนคเก็ตไบค์ ซึ่งเน้นการเรียกกำลังในรอบกลาง – ต่ำ แม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่เน้นการใช้งานทั่วไป แต่ก็มีการเติมรายละเอียดที่ช่วยให้สามารถขับขี่ในสนามแข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชุด Slipper Clutch รวมถึงชุดโช้กอัพที่สามารถปรับได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงชุดเบรกที่เลือกใช้คอมโพเน้นที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งด้วยการผสมผสานที่ไม่ได้รู้สึกว่าคาแร็กเตอร์ความเป็นรถ Super Sport แท้ๆ ขาดหายไปมากนัก ยังช่วยให้รักษาระดับราคาได้อย่างน่าสนใจและสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy