BYD Dolphin เตรียมจะเปิดตัว พร้อมประกาศราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ ทำให้มีการคาดหมายกันว่า นอกจากรุ่น Standard Range ที่เปิดตัวไปก่อนแล้ว งานนี้ทางค่ายจะนำรุ่น Extended Range ที่เปิดตัวเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาในบางประเทสไปแล้ว เช่น นิวซีแลนด์ มาเปิดตัวด้วยเช่นกัน ซึ่งเพื่อให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง BYD Dolphin ทั้ง 2 รุ่น งานนี้ #ทีมขับซ่า จึงเตรียมข้อมูลระหว่างรุ่น Standard Range และ Extended Range มาให้ดูเป็นแนวทาง เพื่อให้ผู้ที่กำลังสนใจ สามารถจินตนาการได้ง่ายมากขึ้น
คลิก!! BYD DOLPHIN EXTENDED RANGE เทียบอัตราเร่ง รถ EV ในงบ +- 1 ล้านบาท…ขึ้นเบอร์ 1 ไหวไหม ?
ก่อนที่จะไปดูความแตกต่าง การเปรียบเทียบในครั้งนี้ #ทีมขับซ่า อ้างอิงจากสเป็คของ BYD Dolphin ที่ทำตลาดในประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งมาในเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาเช่นเดียวกับประเทศไทย ในภาพรวมถือว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ มีหลายองประกอบที่มีความคล้ายคลึงกัน ไล่มาตั้งแต่ การใช้โคงสร้าง e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง BYD Atto 3 ในส่วนของภาพลักษณ์ มิติตัวรถที่อยู่ในพิกัด ความกว้าง x ความยาว x ความสูง ที่ 1,770 x 4,290 x 1,570 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,700 มม. (สั้นกว่า Atto 3 เพียง 20 มม.) โดยระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 130 มม. ภายในห้องโดยสารของ BYD Dolphin มาพร้อมพื้นที่สัมภาระ 345 ลิตร ซึ่งจะเพิ่มเป็น 1,310 ลิตร เมื่อพับเบาะ ด้านระบบช่วงล่างในด้านหน้า มาในรูปแบบอิสระ Macpherson strut และใช้ระบบเบรกในรูปแบบดิสค์เบรกทั้ง 4 ล้อ
เทียบสเปคภายนอก – ภายใน BYD Dolphin รุ่น Standard Range และ Extended Range
Standard Range | รายละเอียด | Extended Range |
โมโนโทน | สีตัวถัง | ทูโทน |
สแตนดาร์ด | หลังคา | พาโนรามิคซันรูฟ |
195/60 R16 | ล้อ – ยาง | 205/50 R17 |
ดำ-เทา, ชมพู-เทา, ดำ-น้ำตาล | คู่สีภายใน | ดำ-เทา, ชมพู-เทา, น้ำเงิน-ดำ |
พื้นฐานในภาพรวมของ BYD Dolphin ทั้ง Standard Range และ Extended Range ถือว่าใกล้เคียงกันมาก แต่หากเจาะลึกรายละเอียดที่แตกต่างกันก็มีอยู่ไม่น้อย โดยหากเทียบจากตารางในด้านบน จะพบว่า ความต่างในส่วนของภาพลักษณ์ เริ่มตั้งแต่สีตัวถัง ซึ่งในรุ่น Extended Range จะมาในสีทูโทน พร้อมหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ และล้อที่ใช้จะอัพขนาดจาก 16 เป็น 17 นิ้ว รัดด้วยยาง 205/50 R17 ส่วนความแตกต่างภายในห้องโดยสาร อยู่ที่การจัดเซ็ตคู่สี ซึ่งสเป็คที่เป็นมาตรฐาน คือ คู่สี ดำ-เทา และ ชมพู-เทา ส่วนสีที่มีเฉพาะในรุ่น Standard Range คือ คู่สี ดำ-น้ำตาล (แบบเดียวกับที่ทำตลาดในประเทศไทย และสีที่มีเฉพาะในรุ่น Extended Range คือ คู่สี น้ำเงิน-ดำ ซึ่งคงต้องรอลุ้นกันว่า เมื่อ BYD Dolphin รุ่น Extended Range นำเข้ามาขายในประเทศไทย ทางผู้จำหน่ายจะเลือกสีไหนมาเป็นทรมในการทำตลาด
เทียบสเปคขุมพลังและช่วงล่างของ BYD Dolphin รุ่น Standard Range และ Extended Range ที่แตกต่าง
Standard Range | รายละเอียด | Extended Range |
94 แรงม้า, 180 นิวตัน-เมตร | พละกำลัง | 201 แรงม้า, 310 นิวตัน-เมตร |
12.3 วินาที | อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. | 7.0 วินาที |
Torsion Beam | เซ็ตช่วงล่างหลัง | Multi Link |
1,506 กก. | น้ำหนักตัวรถ | 1,658 กก. |
สิ่งที่แตกต่างกันชัดเจนระหว่าง BYD Dolphin ทั้ง Standard Range และ Extended Range นอกจากสเป็คของแบตเตอรี่ที่ในรุ่นรองรับการเดินทางในระยะไกลแล้ว ระดับการปล่อยกำลังของมอเตอรื ยังได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นด้วย โดยมีกำลังอยู่ที่ 201 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 310 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7 วินาที แม้ว่าตัวรถจะมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 150 กก. โดยสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น คือ เทคโนโลยีช่วงล่าง ที่จากเดิมสเป็คในบ้านเรา ใช้ช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam แต่ในรุ่น Extended Range ที่ทำตลาดในนิวซีแลนด์นั้น จะมาพร้อมชุดช่วงล่างแบบ Multi Link ที่ให้อิสระในการเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ช่วยส่งให้ตัวรถมีความนุ่มนวล และสามารถทรงตัวได้ดีในทุกสภาพถนน
เทียบสเปคแบตเตอรี่และความเร็วในการชาร์จ BYD Dolphin รุ่น Standard Range และ Extended Range
Standard Range | รายละเอียด | Extended Range |
44.9 kWh | ความจุแบตเตอรี่ | 60.4 kWh |
412 (NEDC), 340 (WLTP) | ระยะการเดินทางต่อชาร์จ | 480 (NEDC), 427 (WLTP) |
6.6 kW (7.30 ชั่วโมง) | ความเร็วในการชาร์จ AC | 6.6 kW (9 ชั่วโมง) |
60 KW (10-80% ใน 36 นาที) | ความเร็วในการชาร์จ DC | 80 kW (10-80% ใน 36 นาที) |
49,990 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ | ราคา | 55,990 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ |
BYD Dolphin ในรุ่น Standard Range
มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 44.9 kWh ซึ่งสามารถรองรับการเดินทางต่อชาร์จได้ราว 340 กม. ตามมาตรฐาน WLTP แต่สำหรับในรุ่น Extended Range ขนาดของแบตเตอรี่ ถูกอัพไซส์ขึ้นมาในระดับ 60.4 kWh นั่นจึงส่งผลให้ตัวรถพร้อมรองรับการเดินทางได้ไกลถึง 427 กม. ต่อชาร์จ ซึ่งนอกจากจะวิ่งได้ไกลกว่าแล้ว ใน BYD Dolphin รุ่น Extended Range ยังรองรับกำลังไฟในการชาร์จแบบ Quick Charge ได้สูงกว่า จาก 60 kW เป็น 80 kW นั่นจึงส่งให้ BYD Dolphin ทั้ง 2 รุ่นนี้ สามารถชาร์จไฟ DC จาก 10-80% ได้ภายในเวลาใกล้เคียงกันที่ประมาณ 36 นาที แต่สำหรับการชาร์ไฟบ้าน ที่รองรับกำลังไฟในระดับ 6.6 kW เท่ากัน รุ่น Extended Range จะต้องใช้เวลาในการชาร์จที่มากกว่า โดยจะใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง เทียบส่วนต่างราคา BYD Dolphin รุ่น Standard Range และ Extended Range
Standard Range | รายละเอียด | Extended Range |
49,990 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ | ราคา | 55,990 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ |
ราคาของ BYD Dolphin ในรุ่น Standard Range ในประเทศนิวซีแลนด์ เปิดตัวมาในค่าตัวเริ่มต้นที่ 49,990 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยราว 1.07 ล้านบาท (เนื่องจากภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีน ไม่ใช่ 0% แบบในบ้านเรา ทำให้มีราคาค่อนข้างสูง) ส่วนในรุ่น Extended Range ระดับราคา ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 55,990 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือประมาณ 1.20 ล้านบาท ทำให้ BYD Dolphin ทั้ง 2 รุ่น มีส่วนต่างราคาอยู่ที่ราว 1.3 แสนบาท ซึ่งก็น่าสนใจว่า เมื่อนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้ว BYD Dolphin ทั้ง 2 รุ่น จะมีส่วนต่างมากน้อยขนาดไหน โดยหากเทียบในเรทกลางๆ ที่ 1.5-1.6 แสนบาท แล้วปรับราคาของรุ่น Standard Range ที่เปิดตัวไปก่อนแล้ว ลงมาให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 7.5 แสนบาท ก็มีความเป็นไปได้ว่า BYD Dolphin ในรุ่น Extended Range จะมีราคาป้วนเปี้ยนอยู่ในระดับบวกลบ 9 แสนบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง MG 4 Electric (868,000 – 969,000 บาท) รวมถึง Ora Good Cat 500 (959,000 บาท รวมถึง Good Cat GT ที่ราคา 1,286,000 บาท ด้วย) ยังถือว่าเป็นคอนดิชั่นที่ดึงดูดใจมากๆ เพราะอย่างลืมว่า ทั้งขนาดมิติตัวถัง ระดับสมรรถนะ รวมถึงออพชั่นต่างๆ ที่ใส่มาให้ มองในความเป็นจริงแล้ว BYD Dolphin แทบไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งในตลาดเลยแม้แต่น้อย…รอลุ้นราคาในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ ได้เลย !