หลังจากมีข่าวลือออกมาเมื่อไม่กี่เพลาก่อนหน้านี้ ในที่สุดค่ายใบพัดฟ้าขาวก็ได้ฤกษ์เผยโฉม BMW M5 CS (บีเอ็มดับบลิว เอ็ม 5 ซีเอส) ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น BMW M ที่เร็วและทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ ภายใต้การนำพาของขุมพลัง V8 พิกัด 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบ ซึ่งให้แรงม้าสูงสุดถึง 636 ตัว พร้อมกับแรงบิดแบบชวนขนลุก 750 นิวตัน-เมตร
ขุมพลังที่ประจำการอยู่ใน BMW M5 CS ถูกเชื่อมต่ออยุ่กับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบการขับเคลื่อนแบบ All wheel drive ที่สามารถปรับระดับในการกระจายแรงขับเคลื่อนได้อย่างหลากหลาย ช่วยส่งให้ BMW M5 CS สามารถทะยานจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ในชั่วพริบตา หรือเพียง 2.9 วินาที ซึ่งเร็วกว่า M5 Competition อยู่ 0.2 วิ. และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 306 กม./ชม.
นอกจากพละกำลังที่เพิ่มขึ้นแล้ว สิ่งที่ BMW M5 CS ยังคงไว้ คือ ชุดส่งกำลังที่มาพร้อมเฟืองท้ายแบบ Active M Differential และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ All wheel drive ที่สามารถปรับอัตราส่วนในการกระะจายแรงขับเคลื่อนสู่ล้อทั้งสี่ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นในโหมด 4WD, โหมด 4WD Sport รวมถึงเลือกเปิดโลกความท้าทายแบบสุดโต่งด้วยโหมดการขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ที่ช่วยให้การออกแอคชั่นปั่นควันของ BMW M5 CS ทำได้อย่างสุดเหวี่ยงยิ่งขึ้น
ในภาพรวมของ BMW M5 CS ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก M5 Competition โดยเติมเครื่องเคียงเกรดเรซซิ่งเข้าไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของแท่นเครื่องที่ออกแบบมาให้สติฟกว่าเดิม เช่นเดียวกับการปรับสปริงและกันโคลงให้เฟิร์มขึ้น พร้อมปรับลดความสูงลงมาเล็กน้อย ไม่เพียงแค่นั้น ทางทีมออกแบบยังปรับการทำงานของระบบ Dynamic Damper Control ให้มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าเดิม เพื่อรีดสมรรถนะออกมาอย่างเต็มพิกัด ก่อนยกหน้าที่ปราการด่านสุดท้ายแห่งการขับเคลื่อนให้กับชุดยาง Pirelli P Zero Corsa ขนาด 275/35 ในด้านหน้า และ 285/35 ที่ล้อคู่หลัง
สำหรับการลดน้ำหนัก BMW M5 CS ถูกออัพเกรดชิ้นส่วนต่างๆ ให้เป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คอมโพสิต ไม่ว่าจะเป็น ฝากระโปรงพร้อมช่องระบายความร้อน, หลังคา, ลิ้นหน้า, ครอบกระจกมองข้าง, ดิฟฟิวเซอร์ รวมถึงสปอยเลอร์หลัง (เซ็ตนี้ลดได้ 70 กก.) นอกจากนั้นยังมีการลดวัสดุซับเสียงในบางจุด เพื่อขจัดน้ำหนักส่วนเกิน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ช่วยส่งให้ BMW M5 CS ทำน้ำหนักได้เบากว่า M5 Competition ถึง 104 กก.
สไตล์เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ได้รับการปรับใน BMW M5 CS ผู้มาพร้อมกระจังหน้าสีทอง รับกับสีตัวถังที่ชวนให้นึกถึงนรกสีเขียว Nurburgring อย่างสี Frozen Deep Green metallic โดยยังมีสีตัวถังให้เลือกระหว่าง Hatch grey metallic และ Frozen Hatch grey metallic อีกด้วย ล้ออัลลอยมาในสีทองขนาด 20 นิ้ว ห่อหุ้มชุดเบรกแบบคาร์บอนเซรามิค ที่ผู้ครอบครองสามารถเลือกสีคาลิเปอร์ได้ตามต้องการระหว่างสีทองและสีแดง ไฟหน้ามาในรูปแบบเลเซอร์พร้อมคาดแถบสีเหลืองให้อารมณ์ความเป็นตัวแข่ง GT3
การตกแต่งภายในห้องโดยสาร จะเน้นงานคาร์บอนไฟเบอร์เป็นหลักในธีมสีดำ – แดง ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Bucket Seat หุ้มด้วยหนัง Merino ตัดกับชิ้นส่วนอื่นๆ ทั้งโลโก้ Nurburgring ด้วยการเดินด้ายสีแดง Mugello พวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตหุ้มด้วย Alcantara พร้อมฟังก์ชั่นสำหรับสายซิ่ง เช่น Paddle Shift, เบลท์สีไตรคัลเลอร์เอาใจสาวก M, เบาะนั่งหลังแบบแยกส่วนซ้าย – ขวา, หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับชุดเครื่องเสียงจาก Harman Kardon
BMW M5 CS พร้อมให้จับจองในจำนวนจำกัดเฉพาะปีนี้ ซึ่งค่าตัวในเยอรมนีเปิดที่ 180,400 ยูโร โดยมีกำหนดส่งมอบในช่วงปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นไป ส่วนจะมาถึงไทยเมื่อไหร่…คงได้เห็นกัน !
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก carscoops
