ครั้งก่อน “ปล้อน” ได้รบกวน “อาเดียว” หรือนายภูษิต โลกานุเคราะห์ มาเท้าความถึง BMW 1602 กับเครื่อง “M10” OHC ขนาด 1,600 cc.(สุทธิ 1,573 cc.) 85 ม้าเยอรมันที่ 5,700 rpm. แรงบิด 130 N-m ที่ 3,500 rpm. แล้วเลื้อยไปถึง BMW 2002 ตัวแข่งบ้านเราสี่สิบห้าปีก่อน กับ 165-170 แรงม้า จากชุดแค็ม 300 องศา วาล์วไอดี 46 มม. วาล์วไอเสีย 39 มม. จากคิท ALPINA A3 ลูกสูบ MAHLE อัด 10.5:1 ใส่ WEBER 45 DCOE ตบท้ายว่ามันคือต้นกำเนิด BIMMER i พลังไฟฟ้าของค่ายที่เริ่มมาแล้วร่วม 50 ปี ซึ่งถือว่าล้ำยุคกว่าใครในวงการยานยนต์ วันนี้ “ปล้อน” ซึ่งหนุ่มสดกว่าจะรับไม้มาพูดต่อกัน เชิญติดตามคร๊าบ…
EV BMW 1602 Elektro-Antrieb พลังไฟฟ้า ล้ำหน้าวงการ
เรื่องเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้านั้นชาวเยอรมันบอกหมู กูทำมานานแล้ว อย่าง BMW ตัวนี้ทำออกมาสำเร็จจริง ใช้งานได้จริง ก่อนจะ “แขวน” ไว้เป็นเกียรติประวัติ เพราะขืนทำออกมาขายก็คงไม่มีใครซื้อ เนื่องจากเกิดก่อนกาลเวลาหลายสิบปี และแม้จะย้อนไป 49 ปี แต่ “BIMMER โคตรพ่อของ I” ตัวนี้ก็ปั่นออกมา 43 แรงม้า (32 kW) โดยใช้มอเตอร์พลังสูงของ BOSCH ที่ป้อนพลังไฟจากแบต Lead-acid 12 โวลท์หนึ่งโหล ให้พลังออกมา 12.6 kWh มันคือเทคโนโลยีแบตยุคแรกๆที่หนักถึง 350 กิโลกรัม หรือประมาณ 25% ของน้ำหนักรถ สิ่งที่น่าถึงคือชาร์จหนึ่งครั้งมันวิ่งในเมืองได้ถึง 30 กิโลเมตร และยืดได้ถึง 61 กิโลเมตรถ้าแช่ที่ความเร็ว 50 กม./ชม. สูสีกับ EV บางรุ่นในยุคนี้เลยทีเดียว !! ลองมาวิ่งดู ตัวเลข 0-50 กม./ชม. ออกมาประมาณ 8 วิ กดสูงสุดได้ประมาณ 100 กม./ชม.
หูย…Regenerative ด้วยหรือฟะ ??!!
อะไรมันจะมองอนาคตขาดขนาดนั้น เมื่อเจ้า 1602 ที่อยากจะเติมตัว “i” ให้นี้ มันนำพลังที่ไม่สมควรปล่อยทิ้งขณะเบรค มาแปลงเป็นพลังไฟฟ้าเก็บเข้าแบตอีกครั้ง แบบ Regenerative ให้ “น้องๆ” EV รุ่นหลังไม่ต้องไปคิดเอาเอง
มีการพัฒนาต่อไปอีกสองสามปี คราวนี้ให้ BOSCH ทำมอเตอร์กระแสตรงมาใช้ ส่วนแบตก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดจำนวนมาเหลือ 10 ตัวก็เพียงพอในการใช้งาน มันคือโคตรพ่อของ BMW i3 นั่นเอง !!
สมควรนำมา “กาละแมร์”
พอก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า BMW จึงไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ เจ้า i3 ที่ออกมาเมื่อ 8 ปีที่แล้วจึงออกมาสู่ตลาดโลกอย่างมั่นใจ ลากต่อมายัง “i ทั้งหลาย” ที่ทะยอยเปิดตัวตามออกมา ดังที่เราได้เห็นขณะนี้ เพื่อระลึกถึงมันจึงมีการนำ 1602 ตัวนี้มา “กาละแมร์” ให้สวยวิป โดยไม่ต้องศัลยกรรม ขอเพียงใช้ซอฟท์แวร์ให้คล่อง ออกมาเป็นดังภาพที่ท่านเห็นอยู่นี้
เค้าโครงยังนำกลิ่นอายตัว 02 มาเต็มคราบเมื่อมองภายนอก ส่วนภายในล้ำไปในอนาคต ชิ้นส่วน ดิสเพลย์ต่างๆส่อถึงยุคยานยนต์ไฟฟ้า ไร้คนขับอย่างแยบคาย มันคือรถที่ “ปล้อน” นำมาฝากในวันนี้คร๊าบ …
ติดตามข่าวสารขับซ่าได้ ที่นี่
ชมรายการขับซ่า34 ย้อนหลังได้ ที่นี่